ค้นหาบทความ

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สุราในคืนเปลี่ยว



1.
คืนนั้นไม่มีดวงจันทร์ มีเพียงดวงดาว – ดาวที่เกลื่อนฟ้า
เราถือขวดสุรา นอนทอดกายอยู่บนเขื่อนซีเมนต์อันเย็นเยียบ นอนทอดกายอยู่ภายใต้ดวงดาวที่เปล่งประกายพริบพราว ฟังลมทะเลพัดคลื่นกระฉอกฉาน ฟังคลื่นทะเลกระทบฝั่งแผ่วเบา ท่านส่งขวดสุรา ข้าพเจ้าดื่มคำหนึ่ง
........................
ข้าพเจ้าหยิบยืมข้อความนี้จากความเรียงชิ้นหนึ่งของโกวเล้ง อัจฉริยะปีศาจผู้วายชนม์ บ่อยครั้งในความเปลี่ยวเหงา ข้าพเจ้าคิดถึงเขาด้วยความเห็นใจ ชีวิตรื่นเริงเช่นนี้เราต่างหวนหา ครั้งที่โลหิตในกายยังระอุอุ่นด้วยความห้าวหาญ อุดมการณ์กล้าแกร่ง และไม่กลัวตาย เราต่างได้เคยผ่านวันเวลาเช่นนี้มาบ้าง มากน้อยแตกต่างกันไป
อาจไม่ใช่ขวดสุราที่เราส่งต่อให้กัน บุหรี่มวนหนึ่ง ข้าวจานหนึ่ง ในยามยากที่กินกันหลายคน น้ำเปล่าในยามกระหาย หนังสือที่ส่งต่อกันอ่าน กระทั่งอุดมการณ์ เหล่านี้ล้วนคือน้ำใจ และความห้าวหาญแห่งวัย ที่ผ่านเข้ามาและเร้นหายไปในวันเวลา
เมื่อโลหิตในกายลดความเร่าร้อน ภายหลังการท่องไปในทางชีวิตที่โดดเดี่ยว ข้าพเจ้าพบว่าตัวเองเปลี่ยนไป
สุราในแก้วที่ถือหอมหวนชวนดื่มเฉพาะในบางเวลา
สหายร่วมดื่มมิใช่ทุกผู้คนที่รู้จักและเอ่ยปากชวน
ในบางเวลาที่หิวโซและมีผู้ปรารถนาดีชักชวนให้ร่วมดื่มกินในวงสุราอาหาร ข้าพเจ้าปฏิเสธด้วยความขอบคุณ
เดินทางกลับไปสู่ความโดดเดี่ยวที่บ้านชานเมือง ข้าพเจ้ารินน้ำชาเย็นชืด ดื่มให้ตัวเองที่โต๊ะลานบ้าน
คืนนั้นไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีดวงดาว กระทั่งข้าพเจ้ารู้สึกว่าไม่มีท้องฟ้า

2.
จอกเปล่าชูค้าง คว้างเปลี่ยว
ข้าพเจ้าคิดถึงหลี่ไป๋ อัจฉริยะกวีจีนแห่งสมัยราชวงศ์ถาง ผู้มีหัวใจยิ่งใหญ่และมีวิญญาณเปลี่ยวเหงา  
จากคนผู้มีหยาดโลหิตระอุอุ่น เชื่อมั่นในความถูกต้อง เขาท่องทะยานไปกับอาชาปราดเปรียวและกระบี่คม หลังม่านฝุ่นจางลงที่โรงพักแรมยามค่ำ สตรีงามผู้รู้ในคีตศิลป์ เมรัยรส และมิตรสหายแปลกหน้า ราตรีทุกๆ ราตรีล้วนน่ารัก
ผ่านการเรียนรู้เพลงยุทธ์ สัมผัสคลุกเคล้าโลกีย์โลก การแสวงหาของคนหนุ่มที่มีหัวใจยิ่งใหญ่ นำพาชีวิตของเขาสู่ขุนเขาลึก เพื่อบำเพ็ญเพียร
ละชีวิตสันโดษอันสงบเงียบ ทั้งที่มิได้ถึงซึ่งปลายทาง จังหวะชีวิตนำพาเข้าสู่กระแสการเมือง สู่พระราชวัง หัวใจกวีอิสระแสดงออกมาในถ้อยวาจาสามหาว อ่อนโยน เสรี และพฤติกรรมอันนอกกฎเกณฑ์สังคมผู้ดี
ไม่แปลกที่วันหนึ่งเขาต้องใช้ชีวิตเยี่ยงคนจร ระหกระเหินไปกับหัวใจเปลี่ยวเหงา
จะมีใครกี่คนที่เข้าถึงความโดดเดี่ยวลึกซึ้ง กระทั่งสามารถบอกตัวเองให้เชื่อจนสนิทใจว่า ตนมิได้อยู่คนเดียว ขณะดื่มเหล้าอยู่ใต้ดวงจันทร์กระจ่างคนเดียว ความรู้สึกในขณะนั้นของเขาเป็นเช่นไรกัน
ดวงจันทร์กระจ่างที่บนฟ้าสูงและเงาว้าเหว่บนพื้น เป็นเพื่อน เป็นความอบอุ่น เป็นความอึกทึก เป็นความคุ้นเคย
จอกสุราเชิญชวนจันทร์ จอกแล้วจอกเล่า ๆ ๆ
โลหิตในกายค่อยๆ ระอุอุ่นขึ้นทีละน้อยๆ และในที่สุดที่ความรู้สึกเอ่อล้น จึงลุกขึ้นมาร่ายรำ – กับเงา
ช่างเป็นความอึกทึกวุ่นวายที่น่าเปลี่ยวเหงา
คืนนั้นดวงจันทร์กระจ่างลอยดวงอยู่เหนือฟ้าสูง สาดส่องแสงเย็นนวลตามาที่พื้นดิน ซึ่งครั้งหนึ่งผู้มีอุดมการณ์เมื่ออดีตกาลล่วงแล้ว เคยย่ำเท้าผ่าน
อย่าทอดถอนใจไปเลย เงายังคงอยู่เคียงกาย เว้นเสียแต่ในคืนจันทร์เจ้าเร้นหาย
จอกเปล่าชูค้าง คว้างเปลี่ยว
ข้าพเจ้าบอกตัวเองไม่สำเร็จว่า มิได้ดื่มอยู่คนเดียว

3.
ข้าพเจ้าคิดถึงมดตัวเล็กๆ ที่เดินประทับรอยเท้าไปบนแผ่นดินกระดาษสีขาวด้วยความว้าเหว่
อากาศกำลังหนาวเย็น ผู้เฒ่าคงถูกลูกหลานขอร้องให้อยู่กับบ้าน กองไฟตรงร่มหลิวที่ริมธารจึงไร้ป้านชา ข้าพเจ้าก่อไฟอาศัยไออุ่นยามหนาว พยายามเรียบเรียงรอยเท้าของมดตัวน้อยบนแผ่นดินกระดาษ ข้าพเจ้าเห็นหัวใจเปลี่ยวเหงาของคนเขียนหนังสือต่างยุคสมัยสามคน
กิ่งหลิวโยกไกวในสายลมหนาว ใบหลิวอ่อนช้อยเศร้าสร้อย กวีโบราณของจีนเปรียบเทียบว่า เหมือนมือที่โบกอำลา
ข้าพเจ้าคิดถึงหมาป่าที่รอคอยเด็กน้อยผู้ที่ทำให้มันเชื่อง คิดถึงคนคุ้นเคย และคิดถึงวันเวลา
ข้าพเจ้าราไฟให้มอด ตัดสินใจเดินทางไปตามหาผู้เฒ่าและเด็กน้อย ผู้เป็นเสมือนสหายสนิทบนแผ่นดินกระดาษของข้าพเจ้า


เรืองรอง  รุ่งรัศมี


พิมพ์ครั้งแรก  จากข้างหน้าต่างบ้านชานเมือง  สำนักพิมพ์ทางทอง พ.ศ.2536

1 ความคิดเห็น:

  1. ท้งหลี่ไป๋ ตู้ฝู่ แม้กระทั่งโกวเล้ง พวกเขาล้วนจากไปโดยทอดทิ้งผู้โดดเดี่ยวอย่างอุุกฤษไว้เบื้องหลัง

    ตอบลบ