ยุคจ้านกว๋อ
เป็นยุคสมัยที่สำนักความคิดต่างๆ เคลื่อนไหวตัวกันอย่างคึกคักมีชีวิตชีวา
ในบรรดาบุคคลเหล่านั้นมีผู้ที่เสนอแนวคิดแบบ “ทำเพื่อผลประโยชน์ตน”
อยู่คนหนึ่ง นักคิดคนนี้ชื่อ หยางจื่อ
วันหนึ่ง
หยางจื่อเดินทางไปเพื่อขอคำแนะนำจากเหลาจื่อ ช่วงเวลานั้น
เดินทางไปยังฉินกว๋อพอดี เมื่อหยางจื่อรับรู้ข่าวนี้ จึงตัดสินใจเดินทางไปรอพบเหลาจื่อที่เมืองต้าเหลียง
เพราะว่าระหว่างทางกลับบ้าน เหลาจื่อจำเป็นจะต้องเดินทางผ่านเมืองนี้ด้วย
เมื่อเหลาจื่อพบหยางจื่อรอต้อนรับตนอยู่ที่ต้าเหลียงนั้น
เหลาจื่อมองหน้าสู่ฟ้าแล้วทอดถอนใจว่า
“แต่ก่อนนั้นข้าคิดว่า
ท่านนั้นยังพอมีค่าต่อการพบสักครั้งหนึ่ง หากแต่บัดนี้
ข้าไม่ปรารถนาจะพบกับท่านแล้ว”
หยางจื่อนิ่งเงียบไม่กล่าววาจาแต่อย่างใด
เดินตามเหลาจื่ออยู่ทางด้านหลัง เมื่อไปถึงยังที่พักของเหลาจื่อ
เขาคุกเข่าลงขอคำแนะนำจากเหลาจื่อว่า
“เมื่อครู่นี้ข้าอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านในทันทีเหลือเกิน
แต่รู้สึกว่าท่านเหมือนจะมีธุระร้อนต้องการเดินทางมาให้ถึงที่นี่โดยเร็ว
ดังนั้นจึงมิได้เอ่ยปากพูดจา ตอนนี้ขอท่านได้โปรดบอกถึงข้อบกพร่องของข้าออกมาโดยเปิดเผยเถิด”
เหลาจื่อตอบว่า
“ได้ ท่านต้องทำตัวให้แลดูโง่เขลาลงหน่อยจึงจะเหมาะสม
กิริยาท่าทีของท่านในตอนนี้นั้นไม่น่าดูเลย ถ้าจะพูดว่าท่านมีใจอันสะอาดบริสุทธิ์
แต่ก็ดูออกว่า ในใจของท่านนั้นมีรอยเปรอะเปื้อนอยู่
จะพูดว่าท่านมีบุคลิกลักษณะอันพิเศษเหนือธรรมดาเล่า
ก็เหมือนจะเป็นการไม่ถูกต้องนัก”
เมื่อหยางจื่อได้ฟังแล้ว ก็กล่าวกับเขาว่า
“ขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก
ต่อไปนี้ข้าจะระมัดระวังตัวเองให้ละเอียดรอบคอบ และปฏิบัติตามคำแนะนำของท่าน”
ตั้งแต่นั้นมา ท่าทีการปฏิบัติต่อสิ่งใดๆ
ของหยางจื่อ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเป็นอันมาก
เขาคิดถึงเมื่อตอนที่เขาเดินทางไปถึงต้าเหลียงนั้น
เขาวางท่าโอ่อ่าเหมือนกับว่าตนเป็นคนสำคัญยิ่งใหญ่คนหนึ่ง
ทำให้แขกที่โรงพักแรมนั้นต่างก็พากันมาต้อนรับเขา
เจ้าของโรงพักแรมนั้นอ่อนน้อมเสียจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นยามเจรจาด้วย
คนรับใช้ในโรงพักก็ตักน้ำล้างหน้ามาส่งให้ถึงในห้องนอน เวลาที่เขารับประทานอาหาร
แขกต่างก็ยอมสละที่นั่งให้เขา รอจนเขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว คนอื่นจึงได้นั่งตาม
แต่ในการกลับไปถึงที่พักในครั้งนี้ ผู้คนในโรงพักแรมแม้จะแสดงอกาการทักทายกับเขาก็ไม่มี
เหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่าหยางจื่อได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นคนสามัญธรรมดาได้แล้ว
ตอนที่เหลาจื่อพบกับขงจื่อเป็นครั้งแรกนั้น
เหลาจื่อก็เคยพูดกับขงจื่อเช่นเดียวกับที่พูดกับหยางจื่อว่า
“บุคคลที่เปรื่องปราดนั้น
แม้ว่าเขาจะมีวัตรปฏิบัติที่สูงล้ำกว่าคนอื่นอยู่บ้าง
แต่เพราะเหตุที่มิได้แสดงออกมาภายนอก ดังนั้นผู้คนจึงรู้สึกกับเขาเหมือนว่าเป็นคนโง่เขลาธรรมดา
ตอนนี้ข้ายิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่า สายตาของท่านนั้นมองแต่เพียงเบื้องสูง ไม่ยอมมองเบื้องต่ำเลย
นอกจากนั้นยังมากไปด้วยความปรารถนา มีอาการเย่อหยิ่งทระนง
และมีความยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ปรากฏออกมาทางสีหน้าของท่าน ข้อบกพร่องเหล่านี้ควรจะขจัดทิ้งเสียโดยเร็ว
สิ่งที่ข้าจะพูดกับท่านมีเพียงเท่านี้...”
เรืองรอง รุ่งรัศมี
แปลและเรียบเรียง
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ "อ่านพงศาวดาร อ่านกลยุทธ์
ผิวขลุ่ยใต้ร่มไผ่" สำนักพิมพ์เคล็ดไทย กรกฎาคม 1994
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น