ค้นหาบทความ

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

คืนสู่สามัญ



            ยุคจ้านกว๋อ เป็นยุคสมัยที่สำนักความคิดต่างๆ เคลื่อนไหวตัวกันอย่างคึกคักมีชีวิตชีวา ในบรรดาบุคคลเหล่านั้นมีผู้ที่เสนอแนวคิดแบบ “ทำเพื่อผลประโยชน์ตน” อยู่คนหนึ่ง นักคิดคนนี้ชื่อ หยางจื่อ
วันหนึ่ง หยางจื่อเดินทางไปเพื่อขอคำแนะนำจากเหลาจื่อ ช่วงเวลานั้น เดินทางไปยังฉินกว๋อพอดี เมื่อหยางจื่อรับรู้ข่าวนี้ จึงตัดสินใจเดินทางไปรอพบเหลาจื่อที่เมืองต้าเหลียง เพราะว่าระหว่างทางกลับบ้าน เหลาจื่อจำเป็นจะต้องเดินทางผ่านเมืองนี้ด้วย
เมื่อเหลาจื่อพบหยางจื่อรอต้อนรับตนอยู่ที่ต้าเหลียงนั้น เหลาจื่อมองหน้าสู่ฟ้าแล้วทอดถอนใจว่า
“แต่ก่อนนั้นข้าคิดว่า ท่านนั้นยังพอมีค่าต่อการพบสักครั้งหนึ่ง หากแต่บัดนี้ ข้าไม่ปรารถนาจะพบกับท่านแล้ว”
หยางจื่อนิ่งเงียบไม่กล่าววาจาแต่อย่างใด เดินตามเหลาจื่ออยู่ทางด้านหลัง เมื่อไปถึงยังที่พักของเหลาจื่อ เขาคุกเข่าลงขอคำแนะนำจากเหลาจื่อว่า
“เมื่อครู่นี้ข้าอยากจะขอคำชี้แนะจากท่านในทันทีเหลือเกิน แต่รู้สึกว่าท่านเหมือนจะมีธุระร้อนต้องการเดินทางมาให้ถึงที่นี่โดยเร็ว ดังนั้นจึงมิได้เอ่ยปากพูดจา ตอนนี้ขอท่านได้โปรดบอกถึงข้อบกพร่องของข้าออกมาโดยเปิดเผยเถิด”
เหลาจื่อตอบว่า
ได้ ท่านต้องทำตัวให้แลดูโง่เขลาลงหน่อยจึงจะเหมาะสม กิริยาท่าทีของท่านในตอนนี้นั้นไม่น่าดูเลย ถ้าจะพูดว่าท่านมีใจอันสะอาดบริสุทธิ์ แต่ก็ดูออกว่า ในใจของท่านนั้นมีรอยเปรอะเปื้อนอยู่ จะพูดว่าท่านมีบุคลิกลักษณะอันพิเศษเหนือธรรมดาเล่า ก็เหมือนจะเป็นการไม่ถูกต้องนัก
เมื่อหยางจื่อได้ฟังแล้ว ก็กล่าวกับเขาว่า
“ขอบคุณท่านเป็นอย่างมาก ต่อไปนี้ข้าจะระมัดระวังตัวเองให้ละเอียดรอบคอบ และปฏิบัติตามคำแนะนำของท่าน”

ตั้งแต่นั้นมา ท่าทีการปฏิบัติต่อสิ่งใดๆ ของหยางจื่อ ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเป็นอันมาก เขาคิดถึงเมื่อตอนที่เขาเดินทางไปถึงต้าเหลียงนั้น เขาวางท่าโอ่อ่าเหมือนกับว่าตนเป็นคนสำคัญยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ทำให้แขกที่โรงพักแรมนั้นต่างก็พากันมาต้อนรับเขา เจ้าของโรงพักแรมนั้นอ่อนน้อมเสียจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นยามเจรจาด้วย คนรับใช้ในโรงพักก็ตักน้ำล้างหน้ามาส่งให้ถึงในห้องนอน เวลาที่เขารับประทานอาหาร แขกต่างก็ยอมสละที่นั่งให้เขา รอจนเขานั่งลงเรียบร้อยแล้ว คนอื่นจึงได้นั่งตาม
แต่ในการกลับไปถึงที่พักในครั้งนี้ ผู้คนในโรงพักแรมแม้จะแสดงอกาการทักทายกับเขาก็ไม่มี เหตุการณ์ต่างๆ เปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะว่าหยางจื่อได้เปลี่ยนแปลงตัวเองจนกลายเป็นคนสามัญธรรมดาได้แล้ว

ตอนที่เหลาจื่อพบกับขงจื่อเป็นครั้งแรกนั้น เหลาจื่อก็เคยพูดกับขงจื่อเช่นเดียวกับที่พูดกับหยางจื่อว่า
บุคคลที่เปรื่องปราดนั้น แม้ว่าเขาจะมีวัตรปฏิบัติที่สูงล้ำกว่าคนอื่นอยู่บ้าง แต่เพราะเหตุที่มิได้แสดงออกมาภายนอก ดังนั้นผู้คนจึงรู้สึกกับเขาเหมือนว่าเป็นคนโง่เขลาธรรมดา ตอนนี้ข้ายิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่า สายตาของท่านนั้นมองแต่เพียงเบื้องสูง ไม่ยอมมองเบื้องต่ำเลย นอกจากนั้นยังมากไปด้วยความปรารถนา มีอาการเย่อหยิ่งทระนง และมีความยึดมั่นถือมั่นในตัวเอง ปรากฏออกมาทางสีหน้าของท่าน ข้อบกพร่องเหล่านี้ควรจะขจัดทิ้งเสียโดยเร็ว สิ่งที่ข้าจะพูดกับท่านมีเพียงเท่านี้...

เรืองรอง รุ่งรัศมี 
แปลและเรียบเรียง


พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ "อ่านพงศาวดาร อ่านกลยุทธ์ ผิวขลุ่ยใต้ร่มไผ่" สำนักพิมพ์เคล็ดไทย กรกฎาคม 1994

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น