บทกวี : สีอะคริลิค บนแคนวาส
|
สิบกว่าปีก่อนที่ธนาคารศรีนครสำนักงานใหญ่ตรงสวนมะลิ
มีห้องสมุดศรีนครที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปใช้บริการได้
เป็นห้องสมุดที่เงียบสงบและเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ
ช่วงเวลานั้นการงานของข้าพเจ้ายังไม่มีอะไรแน่นอน มีเวลาว่างอยู่ค่อนข้างมาก
จึงทำให้ใช้เวลากับการนั่งอ่านหนังสือที่ห้องสมุดแห่งนั้นอยู่บ่อยๆ
ห้องสมุดตั้งอยู่บนชั้นห้าหรือชั้นหกของตึกก็จำไม่ได้แน่ชัดแล้ว
ข้าพเจ้ามักใช้ช่วงเวลาสายๆ ของวันนั่งอ่านหนังสือเล่มหรือนิตยสารไปเงียบๆ
ผู้คนที่มาใช้ห้องสมุดนี้มีไม่มาก จึงมีมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวให้เลือกนั่งได้อย่างสบาย
พอหิวก็ขึ้นไปซื้ออาหารกินอีกชั้นหนึ่งของตึกเดียวกัน
นอกห้องสมุดก็มีโทรศัพท์สาธารณะให้ใช้
นับว่าเป็นบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับพักผ่อนและอ่านหนังสือ ที่สำคัญคือ
ไม่สิ้นเปลืองเงินทอง ห้องสมุดนั้นเปิดให้ใช้ฟรี มีเพียงค่าบัตรอาหารและค่ารถไปกลับเท่านั้นที่ต้องเสียเงิน
ทั้งหนังสือก็ยืมไปอ่านที่บ้านได้อีกด้วย
ข้าพเจ้าวนเวียนไปใช้ห้องสมุดอยู่เป็นปี
อ่านทั้งหนังสือภาษาไทยในห้องสมุดแผนกหนังสือไทย
และอ่านหนังสือภาษาจีนจากห้องสมุดแผนกภาษาจีน
ธรรมดาห้องสมุดแผนกภาษาไทยก็มีคนใช้บริการไม่มากอยู่แล้ว
ห้องสมุดแผนกภาษาจีนยิ่งเป็นห้องที่เงียบสงบ
บางวันมีเพียงบรรณารักษ์และผู้อ่านอีกคนสองคนเท่านั้นที่นั่งกันอยู่เงียบๆ คนละมุม
ดูเหมือนข้าพเจ้าจะเป็นคนอายุน้อยที่สุดที่ไปใช้ห้องสมุดแผนกภาษาจีน
ช่วงต้นทศวรรษที่ ๑๙๘๐
คนสนใจเรียนภาษาจีนอย่างจริงจังยังมีอยู่ไม่มาก
ทั้งนี้อาจเป็นผลสืบเนื่องจากนโยบายปิดกั้นของรัฐในช่วงก่อนหน้านั้น
คนรู้ภาษาจีนระดับอ่านออกเขียนได้จำนวนหนึ่งคือผู้ที่อพยพมาจากจีนในช่วงสงคราม
อีกส่วนหนึ่งเป็นลูกหลานจีนที่เรียนรู้ภาษาจีนนอกระบบการศึกษาปกติ
เวลานั้นแม้จะมีโรงเรียนประถมอยู่หลายแห่งที่สอนภาษาจีน
แต่ก็เป็นการสอนนอกเวลาเรียนปกติ
อีกทั้งทางการก็ยังอนุญาตให้เปิดสอนแต่เพียงระดับนักเรียนประถมต้น
ภาษาจีนสำหรับเด็กๆ ในสภาวะเช่นนั้นถือเป็นยาขมหม้อใหญ่
ความรู้กระท่อนกระแท่นที่รับมาภายหลังจากภาวะร่างกายและสมองที่เหนื่อยล้ากับการเรียนมาทั้งวัน
จึงหล่นหายไปตามรายทางอย่างรวดเร็ว
ไม่แปลกเลยที่หลายคนเขียนไม่ได้แม้กระทั่งชื่อภาษาจีนของตนเอง
ภายหลังออกมาจากโรงเรียนมาเพียงไม่กี่ปี
ข้าพเจ้าเองที่สามารถอ่านภาษาจีนได้ในช่วงนั้นเพราะได้ไปเริ่มต้นเรียนใหม่อย่างจริงจังเมื่อโตแล้ว
หลังจากเรียนภาษาจีนพออ่านออกเขียนได้
ความมุ่งมาดปรารถนาอยู่ในใจลึกๆ อย่างหนึ่งคือ อยากศึกษาวรรณกรรมจีนในประเทศไทย
ก่อนจะอ่านภาษาจีนได้รู้เรื่องด้วยตัวเอง ข้าพเจ้าเคยได้รับรู้ผ่านข้อมูลภาษาไทยว่า
มีสายวรรณกรรมอีกสายหนึ่งในประเทศไทย เป็นวรรณกรรมที่เขียนด้วยภาษาจีน
โดยคนเขียนหนังสือที่อยู่ในเมืองไทย
ทั้งเรื่องราวที่เขียนก็เป็นเรื่องของชีวิตในเมืองไทย
นอกจากนี้ยังมีนักแปลท่านหนึ่งที่ทุ่มเทพลังกายพลังใจแปลวรรณกรรมไทยออกเป็นภาษาจีนเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ
ถ้าความจำของข้าพเจ้าไม่คลาดเคลื่อน เขาชื่อ วิวัฒน์ รุ่งวรรธนวงศ์
(ถ้าความจำของข้าพเจ้าคลาดเคลื่อนก็ขอภัยด้วย
และหวังว่าท่านผู้รู้จะให้ข้อมูลที่ถูกต้องมาด้วย จะเป็นพระคุณยิ่ง)
ดูเหมือนจะเคยอ่านบทความที่เขียนถึงคุณวิวัฒน์ในหน้าวรรณกรรมของนิตยสาร “แมน” ซึ่งคึกคักอยู่เมื่อช่วงสิบกว่าปีก่อน
ที่ห้องสมุดภาษาจีนของธนาคารศรีนครสำนักงานใหญ่นี้เองที่ข้าพเจ้าได้อ่านวรรณกรรมจีนในประเทศไทยอยู่หลายเล่ม
น่าเสียดายที่ชีวิตของข้าพเจ้าไม่ราบรื่น ต้องย้ายที่อยู่ไปมาอยู่หลายแห่ง
สมุดบันทึกที่จดข้อความจากการอ่านหนังสือในห้องสมุดได้สูญหายไปกับการย้ายบ้านครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง
นอกจากวรรณกรรมที่เขียนด้วยภาษาจีนแล้ว
ยังมีงานภาษาจีนที่แปลจากวรรณกรรมไทยอีกจำนวนหนึ่ง
เล่มหนึ่งที่ข้าพเจ้ายังนึกเค้าออกได้รางๆ เป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นแนวเพื่อชีวิต
ในจำนวนนั้นมีเรื่องสั้นของเจญ เจตนธรรม และเรื่องสั้นชื่อ “พบศรีประชาที่ปักกิ่ง” รวมอยู่ด้วย
ข้าพเจ้านั่งอ่านวรรณกรรมทั้งที่แปลจากภาษาไทยและที่เขียนขึ้นด้วยภาษาจีนด้วยความตื่นตาตื่นใจ
และแอบตั้งความหวังว่าคงได้มีโอกาสศึกษาวรรณกรรมสายนี้ กระทั่งสามารถแปลออกเผยแพร่เป็นภาษาไทยในโอกาสหนึ่งโอกาสใด
ในวัยสามสิบต้นๆ ข้าพเจ้าเคยฝันสวยขนาดว่า
วันหนึ่งข้างหน้าจะมีสาขาวิชาประวัติวรรณกรรมภาษาจีนในประเทศไทยเปิดสอนในมหาวิทยาลัย
ผู้เยาว์วัยที่ภาระรับผิดชอบยังไม่มากมักจะฝันได้สวยงามเช่นนี้เสมอ
แต่วันเวลาที่นั่งอ่านหนังสืออย่างสงบและตั้งความฝันสวยงามของข้าพเจ้าก็เริ่มถูกสำนึกความรับผิดชอบต่อรายรับรายจ่ายของตนเองรบกวน
กระทั่งไม่สามารถนั่งนิ่งเพื่ออ่านหนังสือในห้องสมุดอย่างยาวนาน
ช่วงทศวรรษที่ ๑๙๘๐ นักเขียนงานแปลที่เกี่ยวข้องกับจีนได้ขาดช่วงไปจากแวดวงหนังสือไทยเป็นระยะเวลาหนึ่ง
ผลงานเก่าๆ ไม่ได้รับการตีพิมพ์ใหม่ ผลงานใหม่ๆ ไม่มีใครสร้างออกมา
ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนรู้ภาษาจีนระดับพื้นฐาน นามปากกาไม่เป็นที่ยอมรับเชื่อถือ
ชื่อขายไม่ได้ แม้จะพยายามแปลวรรณกรรมสมัยใหม่จากภาษาจีนออกมาบ้าง
แต่ก็ได้รับการตีพิมพ์น้อยเต็มที
ความมุ่งมั่นจากการนั่งอ่านนั่งจดหนังสือภาษาจีนต่างๆ
จากห้องสมุดภาษาจีนจากธนาคารศรีนครค่อยๆ กลายเป็นความร้อนรนลังเล
นานวันเข้าข้าพเจ้าเริ่มจมอยู่ในความหม่นหมอง ตั้งคำถามและเย้ยหยันตัวเองว่าจะเอากำลังที่ไหนไปหาญแบกรับภารกิจที่ตั้งไว้เลิศลอยนี้ได้
เพียงแค่คิดแปลเรื่องสั้นบางเรื่อง
ข้าพเจ้าในเวลานั้นยังไม่สามารถผ่านอุปสรรคด้านภาษาจีนที่ปนคำแต้จิ๋วเข้าไว้ในประโยคได้เลย
จะตั้งความหวังไว้สูงๆ ได้อย่างไรกัน บางครั้งเรื่องที่แปลร่วมสมัยของไต้หวันออกมา
ก็พบคำปฏิเสธของบรรณาธิการนิตยสารว่าคนอ่านเขาไม่รู้จัก
ค่าเรื่องที่ได้น้อยนิดทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถทำตัวเป็นนักเขียนนักแปลอิสระได้อย่างสะดวกใจ
ความมุ่งมั่นต่อวรรณกรรมภาษาจีนในประเทศไทยค่อยๆ เฉื่อยชาลง พร้อมๆ กับที่พบว่า
พื้นฐานความรู้ทางภาษาและความเข้าใจทางวัฒนธรรมจีนของตนเองยังอ่อนด้อยอย่างยิ่ง
ความจำเป็นทางการเงินทำให้ข้าพเจ้าหันรีหันขวาง
ความอ่อนด้อยทางความรู้และภาษาทำให้ข้าพเจ้าอึดอัดคับข้อง
ข้าพเจ้าหาลู่ทางสร้างรายได้ไปตามสภาพความเป็นไปได้ของตนในเวลานั้น รับจ้างทำหนังสือไป
อ่านและแปลตามมีตามเกิด ชีวิตยุ่งเหยิงพัลวันอยู่อย่างนี้ จนวันหนึ่ง
ข้าพเจ้าพบว่าตนเองเลิกอ่านงานวรรณกรรมภาษาจีนในประเทศไทยที่ห้องสมุดธนาคารศรีนครอีกแล้ว
อีกทั้งความฝันสวยงามที่เกี่ยวกับวิชาประวัติวรรณกรรมภาษาจีนในประเทศไทยก็เป็นเพียงฟองอากาศที่แตกสลายไปโดยข้าพเจ้าไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว
บางครั้งที่ไปเดินดูหนังสือจีนแถวเยาวราช
ข้าพเจ้าพบหนังสือวรรณกรรมภาษาจีนในประเทศไทยเล่มใหม่ๆ วางขายอยู่บนชั้นหนังสือ
ข้าพเจ้าพบว่าตนเองมิได้กระตือรือร้นที่จะซื้อหามาเก็บสะสมไว้ทุกเล่มดังเช่นครั้งก่อน
จะเพราะว่าคนเราเมื่ออายุมากขึ้นแล้วจะฝันน้อยลงหรือเพราะยอมรับกับสภาพความเป็นจริงตรงหน้า
หรือเพราะว่าข้าพเจ้าเหนื่อยล้าเกินไปก็ไม่รู้ได้
ความมุ่งมั่นที่ลดลงไปแล้วเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ไฟฝันของชีวิตอ่อนล้า และข้าพเจ้าร่วงโรยสู่วัยชราเสียแล้วกระมัง
ข้าพเจ้ายังอยู่ในช่วงต้นวัยสี่สิบอยู่เลย
ไฉนจึงรู้สึกชราอ่อนล้าถึงเพียงนี้แล้ว
ไฟฝันหรี่โรยเต็มที เพียงลมอ่อนๆ
พัดมาก็พร้อมจะดับ ข้าพเจ้าจะทำสิ่งใดได้อีกเพียงไหน
เรืองรอง รุ่งรัศมี
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ มังกรซ่อนลาย แพรวสำนักพิมพ์ พ.ศ.2541
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น