ค้นหาบทความ

วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ไผ่


ก้อนหินกลมเกลี้ยง น้ำในลำธารสะอาด แลเห็นตัวปลาแหวกว่ายน้ำใส สายลมพัดเบาๆ ยามนั้นเสียงขลุ่ยก็แว่วดังมา
เธออาจค้นหาที่มาแห่งเพลงพริ้วไหว เธออาจสดับซึ่งความลึกซึ้ง แต่ ณ แดนป่าไผ่ร่มครึ้มที่ริมลำธาร ชายหนึ่งฉงนฉงาย
เสียงขลุ่ยพริ้วไหว ไหลเรื่อยเหมือนดั่งสายน้ำ หากแต่เลาขลุ่ยแข็งตรง ช่างเป็นนฤมิตกรรมพิสดารแห่งมนุษยชาติ สายเบ็ดกระตุก คันเบ็ดสั่นอยู่ถี่ๆ เขาวัดสายเบ็ด หากแต่ไม่มีปลาติดมาสักตัว
คลื่นน้ำเป็นวง จากหนึ่งแล้วแผ่ซ้อนกระจาย
แต่ว่าคันเบ็ดก็คือไม้ไผ่อ่อนช้อย สายเบ็ดคือเส้นเชือกอ่อนที่ทอดตัวตรงแลเสมือนแข็ง น้ำไหลเหมือนนิ่ง คนนิ่งภายในสับสน

โอ... มนุษย์ ชั่วขณะหนึ่งฉลาดปราดเปรื่อง สามารถนฤมิตสิ่งที่ลึกล้ำ อีกชั่วขณะหนึ่งเหมือนว่าจะช่างโง่เขลา
เกี่ยวเหยื่อตัวใหม่ เหวี่ยงเบ็ด วงน้ำกระเพื่อมความคิดของเขา สายตาของเขาทอดนิ่งอยู่ที่ปลายเบ็ด แต่ว่าความคิดมิได้อยู่นิ่ง
ไผ่... ความลับของเจ้า คือความว่างเปล่าในร่างของเจ้าใช่ไหม
วงคลื่นกระเพื่อมผิวน้ำเรียบใส เงาที่ทอดอยู่ในน้ำของเขาพร่าพริ้ว อีกด้านหนึ่งของลำธาร มีคนกำลังวักน้ำล้างหน้าและลูบเนื้อตัว
ปลาที่ในน้ำ เจ้าจะรับรู้ความเย็นใสของน้ำเปลี่ยนไปหรือไม่ ยามเมื่อน้ำที่เจ้าได้อาศัยอยู่นี้ได้สั่นกระเพื่อม
นกที่บนฟ้า เจ้าจะรับรู้ความกว้างใหญ่ของฟ้า ที่ครอบร่างเจ้านี้ได้เพียงใด
มนุษย์เอย เจ้ารู้อันใดกับโลกที่เจ้าได้อาศัยอยู่

เขาปลดเอากระบอกไม้ไผ่ที่สะพายกับบ่า บรรจุน้ำในลำธารเข้าไป
โอ... สิ่งว่างเปล่า บรรจุสารัตถะเอาไว้มากล้นเพียงใด
หรือว่าข้าควรละทิ้งซึ่งสรรพสิ่งเพื่อความว่างเปล่าแห่งตน ความคิดของชายที่ถือคันเบ็ดเคลื่อนไปอีกแล้ว ว่างเปล่าเพื่อบรรจุไว้ซึ่งสารัตถะ เหมือนกระบอกไม้ไผ่บรรจุน้ำใสเพื่อการเดินทาง แต่ว่า เท่านี้พอหรือ สิ่งอื่นที่ต้องบรรจุมีอีกมากหลาย เสบียงกรัง ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ล้วนคือสิ่งจำเป็นอันชีวิตพึงมีในการเดินทาง คุณธรรม ความดีงาม ล้วนคือนามธรรมอันมิอาจละทิ้ง ฉะนี้ ชีวิตไยมิใช่พะรุงพะรังไปด้วยสัมภาระ กระทั่งถ่วงให้มิอาจย่างเท้าก้าวเดินหรอกหรือ
ร่างกายเพียงหนึ่ง เสมือนกระบอกไม้ไผ่อันมีเพียงปล้องเดียว หากจะบรรจุทั้งถั่ว งา ข้าว เนื้อ น้ำ ฯลฯ ผสมปนเป ประโยชน์อันพึงจะมีก็จะกลายเป็นหาประโยชน์มิได้ไปเสีย
มิใช่ความว่างเปล่าเสียละกระมัง ตัวตนน่าจะต้องมีอยู่ เสมือนกระบอกไม้ไผ่มีเนื้อไม้ของมัน ต้องมิกลวงว่างเสียแล้วละหนอ จึงจะทำให้บรรจุสิ่งต่างๆ ได้ โดยมิให้สัมปชัญญะต้องถึงเสื่อมทราม
แต่ว่าอัตตาก็มักเป็นสิ่งที่สร้างความบิดเพี้ยนผันแปรต่อสิ่งที่ตัวตนรับมันเข้าไป หรือว่าในที่สุดแล้ว ไม้ไผ่ก็ต้องถูกผ่าออกเป็นสองซีก เพื่อจะได้แยกแยะพิจารณาเลือกใช้สารัตถะที่บรรจุเอาไว้ภายใน
เขาเฝ้าแต่ครุ่นคิดฉงน

พลันนั้น ปรากฏนกตัวหนึ่งบินมาโฉบเหยื่อในน้ำ วงน้ำสั่นไหวความคิดของเขาอีกครั้ง เหยื่อมีอยู่มากมาย ในน้ำ บนบก บนต้นไม้ หรือในอากาศ
คลื่นน้ำแผ่พริ้วกระจาย เงาที่ในน้ำสั่นไหว
นกบินกลับรังของมัน
นกที่ทำรังอยู่ในป่าลึก ที่มันต้องการคือกิ่งไม้กิ่งหนึ่งเพื่อจะยึดรังของมันเอาไว้ใช่ไหม
สัตว์ที่ในป่า ยามเมื่อกระหายและไปดื่มน้ำที่ตามโตรกธาร ที่มันต้องการก็เพียงน้ำเต็มกระเพาะ พอดับซึ่งความกระหาย
กิ่งไม้อันมีอยู่มากมาย และน้ำอันเย็นฉ่ำอยู่ทั้งโตรกธาร บางขณะก็เป็นเพียงสิ่งที่มีอยู่ และก็เป็นเพียงเท่านั้น

เขาเก็บเบ็ดแล้ว
ผิวน้ำเหมือนเรียบ แต่ก็ยังคงปรากฏวงคลื่นน้อยๆ
ประกายแดดสะท้อนคลื่นน้ำส่องประกายแพรวพราย สีแสงวูบไหวแปรเปลี่ยนมิหยุด ช่างงดงาม หากแต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นรวดเร็วและพิสดาร ยากที่จะพรรณนา เสมือนที่เราไม่อาจบอกถึงความงามของมวลดอกไม้แก่ผู้ที่ไม่เคยรับรู้ความงามของดอกไม้ และไม่อาจบอกถึงความไพเราะแห่งมวลสรรพเสียงแด่ผู้อันมีโสตประสาทบกพร่อง
คุณค่า” รับรู้ไม่ง่ายเหมือนกัน “ราคา” สำหรับผู้ที่มืดบอด
ดั่งนี้ เพียงชั่วไม่นาน นับแต่ชายผู้นั้นมาสู่ลำธารที่ริมป่าไผ่ หลายสิ่งเสมือนเคลื่อนอยู่มิหยุดในความเป็นไป
และเมื่อเดินทางกลับมาจากริมลำธาร เขาก็รู้สึกว่าตนเองเปลี่ยนไป ทั้งที่ยังคงเป็นเขาเช่นเดิม


เรืองรอง  รุ่งรัศมี



พิมพ์ครั้งแรก  จากข้างหน้าต่างบ้านชานเมือง  สำนักพิมพ์ทางทอง พ.ศ.2536

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น