สมัยราชวงศ์ซ่งมีไจ่เซี่ยงคนหนึ่งชื่อตู้เหย่น
เขาเคยพูดกับศิษย์ของเขาดังนี้
“หากท่านปรารถนาจะทำงานในราชสำนัก
สิ่งแรกคือท่านต้องเป็นคนใจซื่อมือสะอาด
แต่สิ่งที่ท่านต้องสนใจยิ่งกว่าคือความระมัดระวังรอบคอบ
หากละเลยความรอบคอบระมัดระวัง จะทำให้ประสบกับอุปสรรคนานาประการ
หากท่านคิดมุ่งทำเพื่อความก้าวหน้าของตนแต่ฝ่ายเดียว
เพื่อให้ตนอยู่สูงกว่าผู้อื่น โดยไม่สนใจในสิ่งอื่นใด
จะทำให้ผู้คนรอบข้างบังเกิดความอิจฉาริษยาในตัวท่าน
ทำให้เกิดความคิดต่อต้านในใจพวกเขาได้
ท่านจะต้องสามารถรับการกล่าวร้ายของผู้อื่นได้ เพราะว่าผู้บังคับบัญชามักไม่อาจแยกแยะได้ว่า
ใครมีความสามารถมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ในทางตรงข้ามกลับจะทำให้ท่านถูกตำหนิว่ากล่าว
นี่คือผลของการไม่สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างกลมกลืน
หากต้องอยู่ร่วมในหมู่คน
วิธีที่ดีที่สุดคือหยั่งรากลงให้ลึก ทำหน้าที่ด้วยความหนักแน่นมั่นคง ไม่พูดมาก
ปฏิบัติภารกิจความซื่อสัตย์จงรักภักดี นี่ก็คือวิถีแห่งการครองตนที่ดี”
สมัยที่ตู้เหย่นอยู่ในตำแหน่งไจ่เซี่ยง
ชนต่างเผ่าทางทิศเหนือและตะวันตกเริ่มรุกล้ำดินแดนเข้ามา
ต่อมาซีเซี่ยและชี่ตานก็มาเจรจาสงบศึกตามลำดับ ดังนั้น
อันตรายจากภายนอกจึงค่อยหมดสิ้นไป แต่ปรากฏว่าเหล่าขุนนางอำมาตย์ในราชสำนัก
และพวกนักการเมืองต่างพากันแย่งชิงความเป็นใหญ่กันอย่างดุเดือด
และด้วยสาเหตุนี้เอง ที่ทำให้ตู้เหย่นต้องถูกถอดออกจากตำแหน่ง เมื่อทำงานได้เพียง 70 วัน
ตู้เหย่นมีชีวิตอยู่ในวงราชการ มีประสบการณ์ขมขื่นในแวดวงนั้นมากมาย ดังนั้น
สิ่งที่เขาพูดจึงเป็นคำตักเตือนจากใจ
ต่อมา
มีข้าราชการรุ่นหลังคนหนึ่งได้รับแต่งตั้งให้ไปเป็นนายอำเภอ
ตอนที่เขาจะเดินทางไปรับตำแหน่ง ตู้เหย่นให้คนไปตามตัวเขามาพบ
และเล่าถึงประสบการณ์ในชีวิตราชการให้เขาฟัง
“แม้ว่าราชสำนักจะเห็นความสำคัญในตัวท่าน
แต่งตั้งให้ท่านไปเป็นนายอำเภอ
ที่สำคัญนั้นเป็นเพราะท่านมีความสามารถมากกว่าการเป็นนายอำเภอ
แต่เมื่อรับตำแหน่งใหม่ๆ ท่านจะต้องเก็บซ่อนความสามารถของตัวเองให้แนบเนียน
จะใจร้อนอยากเลื่อนตำแหน่งโดยเร็วไม่ได้ เพราะจะทำให้ท่านต้องพบกับอุปสรรค
ผู้คนรอบข้างจะเกิดความรู้สึกต่อต้าน
ท่านจะต้องทำตัวให้เข้ากับผู้ร่วมงานอย่างกลมกลืน
มิฉะนั้นอาจมีเภทภัยมาถึงท่านโดยไม่รู้ตัว
หากมารู้ตัวในตอนนั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือ
ต้องเข้ากับพวกเขาให้ได้”
นายอำเภอคนนั้นเมื่อได้ฟังคำพูดของตู้เหย่นก็เกิดความหงุดหงิด
ดังนั้น จึงถามออกไปว่า
“โดยปกติท่านอาจารย์มักไม่ยอมรอมชอมกับผู้อื่น
ทั้งตำแหน่งใหญ่อันสำคัญของประเทศชาติก็ไม่อาจรักษาเอาไว้ได้
ในเมื่อเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น
ทำไมวันนี้จึงยอมมาสอนข้าถึงวิถีทางในการทำงานราชการเพื่อสิ่งใดกัน ?”
ถูกถามเช่นนี้ ตู้เหย่นจึงตอบว่า
“ข้านั้นเคยทำงานในราชสำนักมาหลายปี
บัดนี้อายุมากแล้ว ประสบการณ์ที่พบผ่านมาตลอดชีวิตมีมากมาย
ข้าเริ่มต้นจากตำแหน่งเล็กๆ ในตอนเริ่มแรก แล้วจึงค่อยๆ
เป็นที่รู้จักของกษัตริย์และราชสำนักทีละน้อยๆ จนได้ขึ้นมาถึงตำแหน่งสูงในวันนี้
นั่นเป็นเพราะข้าก้าวทีละก้าว และก็เพราะเหตุนี้ที่ทำให้ข้ารู้สึกสะดุดใจต่อจุดยืนและปฏิกิริยาตอบสนองทางด้านการเมืองของข้า
ดังนั้นข้าจึงได้มาตักเตือนท่าน”
“ตอนนี้ท่านเป็นเพียงนายอำเภอคนหนึ่ง
การเลื่อนตำแหน่งในวันข้างหน้าขึ้นอยู่กับทัศนะที่ผู้บังคับบัญชามีต่อตัวท่าน
ถ้าหากว่าความสามารถของท่านมีมากกว่าผู้บังคับบัญชา
นั่นย่อมเป็นอันตรายต่อความมั่นคงในตำแหน่งของผู้ว่าราชการจังหวัด
และผู้บังคับบัญชาผู้อยู่ตำแหน่งเหนือกว่าท่าน
ย่อมไม่ปล่อยให้ท่านได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นอย่างง่ายดาย เมื่อถึงเวลานั้น
ไม่เพียงเขาจะไม่ยอมรับในความสามารถของท่าน แต่เขากลับจะมีอคติกับท่านอีกด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะไปถึงอุดมการณ์ของท่านได้อย่างไร ? ไม่เพียงเท่านั้น
ยังอาจเป็นการนำภัยมาให้โดยไม่รู้ตัว เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ท่านจำเป็นต้องอดทนสักช่วงเวลาหนึ่ง พยายามทำตัวให้เข้ากับคนรอบข้างให้ได้
จึงจะไม่สร้างปฏิกิริยาต่อต้านขึ้น”
ผู้ที่มีชีวิตอยู่ในแวดวงการเมืองมานับสิบปี
ย่อมจะมีประสบการณ์ที่พบผ่านมาด้วยตัวเองไม่น้อย
คำเตือนเหล่านี้เป็นคำแนะนำด้วยความจริงใจ และเป็นคำแนะนำอันมีค่ายิ่ง
เพราะว่าในชีวิตราชการนั้น
ต้องทำให้ผู้บังคับบัญชาเห็นคุณค่าในตัวท่านก่อน แล้วจึงจะมีโอกาสเปิดให้แสดงความสามารถได้
แต่หากคิดถึงแต่เพียงการแสดงฝีมือความสามารถโดยไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น
บางครั้งกลับทำให้ต้องสูญเสียตำแหน่งและโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
เรืองรอง รุ่งรัศมี
แปลและเรียบเรียง
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ "อ่านพงศาวดาร อ่านกลยุทธ์
ผิวขลุ่ยใต้ร่มไผ่" สำนักพิมพ์เคล็ดไทย กรกฎาคม 1994
เรื่องนี้ ยังมีและเป็นจริงเสมอ ในวงราชการไทย
ตอบลบมีไม่น้อยที่จ้าราชการที่มีความสามารถจะต้องยอมแลกความเป็นคนกับการเป็นสุนัขรับใช้เพื่อความปลอดภัยเจริญก้าวหน้า
เพราะผู้บริหารที่มีสติปัญญาและคุณธรรมมีน้อย ยิ่งเรื่องราวของผู้น้อยที่ไม่รู้จัก ไม่รู้คุณค่า ผู้บริหารจะมีเวลามาใส่ใจได้อย่างไร
อย่าว่าแต่ผู้บริหารที่สำคัญตนว่าตนเองมีคุณอันวิเศษนั้น ความยะโสและอคติจะทำให้มีเสี้ยวเวลามาสนใจผู้น้อยหรือความเห็นจากผู้น้อยหรือ?
ผู้บริหารที่ไร้คุณธรรมไร้ความสามารถแต่เปี่ยมความทะเยอทะยานกลับจะได้คนที่ตนเห็นคุณค่าคือใช้ประโยชน์ได้ จึงจะเรียกใช้งาน
หนึ่งในสองคุณต่าที่จะทำให้ผู้มีความสามารถถูกเรียกใช้ นอกจากความสามารถที่ผู้บริหารต้องการใช้ประโยชน์แล้ว ผู้บริหารที่ต่ำทรามมักเลือกคุณสมบัติพิเศษ คือ การเป็นสุนัขรับใช้ ไม่ใช่ความรู้ความสามารถและความรักที่มีต่อแผ่นดินและอาณาประชาราษฎร์ นี่คือ ๑ในความรู้ที่มารดาของ เยว่เฟย หรือ งักฮุย ไม่ได้สอนลูก ทำให้คำพูดที่สักบนแผ่นหลังของงักฮุยนำพาตนเองกลับมาให้ฮ่องเต้ไร้คุณธรรมประหาร
ผู้บริหารไร้ความสามารถและไร้คุณธรรมอย่างฮ่องเต้ซ่งมีมากมายในราชการไทย
จึงทำให้ข้าราชการไทยที่เติบโตเป็นใหญ่ระดับสูงล้วนแล้วแต่เป็นกังฉิน อย่าง ฉินไขว้ มีมากมาย
ลักษณะสำคัญของฉินไขว้คือ การเป็นสุนัขรับใช้ ซึ่งผู้บริหารที่ไร้ความสามารถย่อมกังวลกับความสามารถของลูกน้อง แต่จะสบายใจในความเป็นสุนัขรับใช้เสมอ