ค้นหาบทความ

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตัวข้าที่แท้



ผู้คนในโลกใช้ชีวิตไปต่างๆ นานา การมีชีวิตอยู่ในวงสังคมก็เป็นเช่นเดียวกับอยู่ในแวดวงยุทธจักร “คนในยุทธจักรไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้” ผู้คนไม่น้อยรู้สึกลึกซึ้งกับถ้อยคำๆ นี้ เป็นถ้อยคำที่เรียนรู้ด้วยความขมขื่นปวดร้าว
ยิ่งหากผู้ใดยึดถือหลักการเยี่ยงอย่างจอมยุทธ์ เขายิ่งมักต้องขมขื่นปวดร้าวยิ่งขึ้นกับถ้อยคำ “คนในยุทธจักรมิอาจเป็นตัวของตัวเองได้” เพราะเหตุว่าจอมยุทธ์นั้นมีสิ่งที่ไม่อาจกระทำ และมีสิ่งที่ไม่อาจไม่กระทำ
ไม่ว่าจะอย่างไร ในบางเรื่องราวเขาพึงจำต้องไม่กระทำ ขณะเดียวกันในอีกมากหลายเรื่องราว เขาก็มิอาจจะไม่กระทำ ทั้งทำและไม่กระทำ บ่อยครั้งกล้ำกลืนเจ็บปวด บางครั้งอ้างว้างเปลี่ยวเหงา คับข้องอยู่ในหัวใจ บางคราก็นึกตำหนิตนเองว่า ไยต้องยึดถือกฎเกณฑ์เคร่งครัดเช่นนี้แต่ผู้เดียว

หากมิใช่วิญญูชนจอมปลอม ชีวิตที่เป็นไปเหมือนสวมบทบาทละครซ่อนเร้น ในบางขณะผู้คนจึงปรารถนาให้ตนได้คืนสู่ความเป็น “ตัวข้าที่แท้” คนที่มีความเป็น “ตัวข้าที่แท้” ที่มิได้จริงจังมั่นคง คนที่มิได้เป็นวิญญูชนไหนเลยจะเปล่าเปลี่ยวเจ็บปวด คับแค้นลึกซึ้งจนต้องร่ำร้องเรียกหาความเป็น “ตัวข้าที่แท้” เช่นนี้ได้ คนที่ไร้พันธนาการไหนเลยจะต้องเรียกร้องถึงการปลดปล่อย
แท้จริงแล้วขณะที่ตัวเขาร่ำหาตัวข้าที่แท้ ก็มักเป็นเวลาที่ความเป็น “ตัวข้าที่แท้” ของเขา เผยตัวออกมาปะทะกับความคับแค้นขมขื่น สร้างความเจ็บปวดจนเขาอยากร่ำร้องขอความเป็นธรรมต่อโลก เขาเพียงปรารถนาในความรื่นเริงหรรษากว่านี้ เขาเพียงปรารถนาที่จะออกจากภาวะที่ “มิอาจกระทำ” หรือ “มิอาจไม่กระทำ” อันทุรนทุรายนี้
คนที่มิได้มี “ตัวข้าที่แท้” คู่เคียงสนิทแนบกับจิตวิญญาณ ไหนเลยจะมีพันธนาการไร้รูปอันซับซ้อนนี้ หากเขาเปลี่ยนบทบาทท่าที และหลักยึดถือไปตามสถานการณ์อยู่ทุกเช้าค่ำ เขาไหนเลยจะต้องไปสู่ภาวะนำพานาวาปะทะเกาะแก่ง ทั้งที่รู้ว่าการกระทำเช่นนี้ย่อมต้องเหนื่อยล้า และลำนาวาก็อาจแตกพังล่มสลายได้

ที่เขาร่ำหาความเป็นตัวข้าที่แท้ แท้จริงแล้วคือความเปล่าเปลี่ยว เจ็บปวด คับแค้น หวั่นไหว เขาเพียงแต่ร่ำร้องออกมาปลอบประโลมตนเอง เขาเพียงแต่ร่ำร้องออกมาเพื่อเตือนตนเองให้อย่าลืมเลือน ให้อภัยต่อภาวะอับจนขมขื่นของชีวิตนี้
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังคงเลือกไม่กระทำในสิ่งอันไม่อาจกระทำ และเลือกที่จะกระทำในสิ่งอันมิอาจไม่กระทำต่อไป
ไม่ว่าจะมีคนที่เห็นใจ หรือไร้ผู้ที่เข้าใจในการกระทำของเขา เขาก็ต้องกระทำไปอย่างนี้
แม้แต่ผู้ที่มุ่งมั่นกระทำตัวเยี่ยงคนนอกยุทธจักร ที่ชืดชาต่อกฎเกณฑ์ประเพณีสังคมอันเคร่งครัดทั้งหลาย บ่อยครั้งก็ยังจำต้องไม่กระทำในสิ่งที่ไม่อาจกระทำ และจำต้องกระทำในสิ่งที่ไม่อาจไม่กระทำ เนื่องเพราะเขามีกฎเกณฑ์ส่วนตัวที่จำจะต้องยึดถือเคร่งครัดยิ่งกว่า ไม่ว่าเขาจะทำตัวกลมกลืนกับโลก หรือไม่กลมกลืนกับโลกเพียงไร เขาก็ยังคือตัวเขา ตัวเขาที่แท้ที่หลายครั้งต้องร่ำร้องเรียกหาความเป็นข้าที่แท้ด้วยความเจ็บปวดขื่นร้าว

ภายใต้มายาแห่งภาพลักษณ์หลากหลาย มีเพียงตัวตนของตัวเท่านั้น ที่จะให้คำตอบอย่างสัตย์ซื่อต่อตัวเองได้ว่า แท้จริงแล้วความเป็นตัวตนที่แท้ของเขายังคงอยู่ไหม
แม้จะมิได้ถือดาบถือกระบี่เช่นดั่งยุคสมัยของนิยายยุทธจักรอีกแล้ว แต่ดาบและกระบี่ยุคใหม่นั้นไร้รูป กระบวนท่าก็ยิ่งซับซ้อนพลิกแพลง ในยุคสมัยอันซับซ้อนสับสนเช่นนี้ จะมีผู้คนกี่คนที่สามารถครองตนถือสันโดษ เร้นกายอยู่นอกยุทธจักรได้ตลอดรอดฝั่ง จะมีผู้คนเท่าไรที่มุ่งมั่นครองตนอยู่นอกยุทธจักร กระทำในสิ่งที่ผู้คนไม่ค่อยเข้าใจ โดยที่มิอาจเรียกร้องซึ่งความเข้าใจและเห็นใจจากผู้คนเลย
การเป็นคนในยุทธจักรนั้นยาก แต่การครองตนเยี่ยงคนนอกยุทธจักรนั้น จำต้องอาศัยหัวใจที่แกร่งยิ่งกว่า

รอยแผลจากคมกระบี่ย่อมเกิดขึ้นได้กับผู้ยืนหยัดต่อสู้ หากแต่เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นแล้ว มิควรสูญเสียซึ่งความมั่นใจ รอยกระบี่ในกายของเราบางรอย อาจเกิดจากความพลาดพลั้งมิได้ตั้งใจของผู้อื่น เขาอาจถือกระบี่เก้งก้างเกินไป เราอาจเดินไปชนคมกระบี่บางคมโดยที่เจ้าของกระบี่มิได้ฟาดฟันออกมา เพียงเพราะเราต่างเป็นเช่นดั่งคนในแวดวงยุทธจักร เราต่างเดินผ่านไปมาใต้เงากระบี่ไร้รูป ปลุกหัวใจยิ่งใหญ่ของเราคืนมา ผ่านพ้นไปให้ได้จากความเจ็บปวด ทั้งในรอยกระบี่ที่ตั้งใจและมิตั้งใจ เก็บคมกระบี่แนบกายอย่าให้ไปบาดผู้อื่น กระบี่ของเราบาดตัวเราบ้างก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ควรทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
จิตวิญญาณของจอมยุทธนั้นเมตตาในมือกระบี่ทุกผู้ และพร้อมจะอภัยให้กับผู้อื่น เพราะเขารู้ว่าผู้อื่นมากหลายต่างก็ล้วนคับแค้นขมขื่น ไม่อาจเป็นตัวของตัวเองเช่นเดียวกับตนเอง
สำหรับจอมยุทธ์ หากผู้อื่นวิ่งมาชนคมกระบี่ของเขา โดยที่เขามิได้ตั้งใจ เขามิอาจไม่ตำหนิลงโทษตัวเองที่ถือคมกระบี่ไม่ดี จนคมของมันทำร้ายผู้อื่น ดังนั้น เขาจึงระมัดระวังการถือกระบี่ของเขาอย่างยิ่ง และเขาก็พยายามพัฒนากำลังฝีมือของตนให้เข้าสู่ภาวะสูงล้ำ ที่มิได้มีกระบี่ทั้งที่ใจและที่ในมือ


เรืองรอง  รุ่งรัศมี


พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือ หมาป่าบนทุ่งกระดาษ สำนักพิมพ์วลี สิงหาคม พ.ศ.2549

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น