“คนในยุทธจักรมิอาจเป็นตัวของตัวเองได้...
จากบ้านมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย พเนจรร่อนเร่อยู่ในยุทธจักร...
เพียงขอให้เมื่อถามใจตัวเองแล้วไม่รู้สึกละอาย ก็จะไม่โทษเทวดาฟ้าดินหรือผู้ใด”
๑
การได้พบกับสตรีผู้เคยนำพาความสุขมาให้กับผู้อื่น
และตนเอง ก็สามารถหาวิธีทำให้ตนเองมีความสุขได้นั้น
ก็เหมือนได้พบมิตรสหายบางคนของข้าพเจ้า
มักกระตุ้นให้ข้าพเจ้ารู้สึกอยากจะดื่มเหล้าคว่ำแก้วสักจอก
ในหมู่มิตรสหายเหล่านั้น
ส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จากบ้านมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย
พเนจรร่อนเร่อยู่ในยุทธจักร
ขณะที่เข้าใจธรรมเนียมความเป็นไปอย่างรู้ครึ่งไม่รู้ครึ่งอยู่นั้น
อาศัยเพียงความห้าวหาญชั่วขณะ
และก็ไม่เคยรู้เลยว่าได้กระทำเรื่องที่เหมือนจะถูกต้อง
และคล้ายจะผิดพลาดไปเท่าใดแล้ว เพียงขอให้เมื่อถามใจตัวเองแล้ว ไม่ต้องรู้สึกละอาย
ก็จะไม่โทษเทวดาฟ้าดินหรือผู้ใด
ในหมู่คนเหล่านี้ บางคนตายไปในวัยฉกรรจ์
บางคนก็เพราะไม่อาจจบสิ้นบุญคุณความแค้น ก้าวเดินไปในตรอกซอยมืด
โลหิตสาดกระเซ็นไปในฝีเท้าห้าก้าว แต่ส่วนมากแล้ว กลับตายไปเพราะสุรา
นี่เพราะพวกเขาส่วนใหญ่มีเจตนามุ่งมั่น
ปรารถนาที่จะแสดงความเป็นชายชาตรีหรือ ? หรือเป็นเพราะในใจของพวกเขาต่างก็มีเงื่อนที่แก้ไม่ออกอยู่จำนวนหนึ่ง
จำต้องยืมจอกสุราของผู้อื่นมาราดรดกองหินในอกของตนเอง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เหล่ามิตรสหายที่ได้ตายไปของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวังเพียงให้ท่านได้พักผ่อนอย่างสบาย
๒
“คนในยุทธจักร มิอาจเป็นตัวของตัวเองได้”
ข้าพเจ้าเชื่อว่า
แต่ครั้งโบราณมาก็มีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกเช่นนี้
เพียงแต่ข้าพเจ้าเป็นผู้ที่ได้เปลี่ยนมันจากความคิดเป็นหยาดหมึก
ตีพิมพ์ไว้บนหน้ากระดาษก่อนเท่านั้น
คนที่อยู่ในยุทธจักร ยากที่จะเป็นตัวของตัวเองได้จริงๆ
ที่จริงแล้วคนที่มิได้อยู่ในยุทธจักร เคยเมื่อไรที่เขาสามารถเป็นตัวของตัวเองได้
หากว่ารู้สึกอึดอัดกลัดกลุ้ม ก็เปล่งเสียงร้องเพลงกึกก้อง ร่ำดื่มเสียจนเมามาย
เขาทำได้ก็เพียงแต่ทำให้คนใกล้ชิดเป็นทุกข์ ทำให้ผู้ที่แค้นเคืองมีความสุข
ข้าพเจ้าก็เคยเป็นนักเลงสุรา
ข้าพเจ้าก็เคยผ่านไปมาอยู่ระหว่างความเป็นและความตาย
เคยเมื่อไรที่จะไม่มีหนามแห่งความรู้สึก จนทิ่มตำอยู่ในใจข้าพเจ้า แม้ว่าบัดนี้
ข้าพเจ้าจะยินดีรับเอาความเปลี่ยวเหงาเอาไว้ หลีกลี้ไปอาศัยอยู่บนภูเขาห่างไกล
แต่ยังคงต้องรู้สึกรันทดที่ไม่อาจเป็นตัวของตัวเองอยู่บ่อยๆ ดังเดิม
แต่เมื่อเร็วๆ นี้
ข้าพเจ้าได้เข้าใจแล้ว มนุษย์... ที่จริงแล้วก็เป็นเช่นนี้เอง
ความเรียงของโกวเล้ง
เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกใน เดียวดายใต้เงาจันทร์ โกวเล้ง : รำพัน
สำนักพิมพ์ฉับแกระ มกราคม พ.ศ.2532
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น