ภายหลังกลับมาจากเหมี่ยนฉือ จ้าวหวาง
กษัตริย์แห่งจ้าว แต่งตั้งให้ลิ่นเซี่ยงหยู ดำรงตำแหน่งไจ่เซี่ยง
เนื่องจากสร้างความดีความชอบครั้งสำคัญของเขา
ทำให้ตำแหน่งของเขาสูงกว่าตำแหน่งการงานของเหลียนพวอ
เหลียนพวอพูดด้วยความโกรธว่า
“ข้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในการทำสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน
ได้สร้างคุณูปการมากมายไว้ให้แก่จ้าวกว๋อ แต่ลิ่นเซี่ยงหยูเจ้าคนฐานะต่ำต้อยคนนี้
ทำเป็นก็เพียงแต่การขยับลิ้นเอื้อนเอ่ยวาจา หากแต่ฐานะตำแหน่งกลับสูงอยู่เหนือข้า
ข้ารู้สึกอับอายยิ่ง ข้าไม่อาจทนต่อตำแหน่งที่ต่ำต้อยกว่าเขาได้”
นอกจากนั้นเขายังพูดกับใครต่อใครว่า
“ถ้าพบกับลิ่นเซี่ยงหยูอีกครั้ง
ข้าจะหยามหยันให้เขาได้อายต่อหน้าเลยทีเดียว”
หลังจากลิ่นเซี่ยงหยูได้รับฟังคำพูดเหล่านี้
เขาพยายามเลี่ยงการประจันหน้ากับเหลียนพวอ
แม้แต่เวลาที่ต้องเข้าเฝ้าในวังเขาก็ยังลาป่วยอยู่บ่อยๆ
เนื่องจากไม่ปรารถนาจะเปรียบเทียบตำแหน่งสูงต่ำกับเหลียนพวอ
ครั้งหนึ่ง ขณะอยู่ระหว่างทาง
ลิ่นเซี่ยงหยูเห็นเหลียนพวอมาแต่ไกลๆ เขาจึงสั่งให้คนขับรถขับรถเลี่ยงเสีย
บริวารของลิ่นเซี่ยงหยูไม่เข้าใจถึงการกระทำเช่นนี้ พากันมาพูดกับเขาว่า
“ที่พวกเราจากบ้านมาอยู่กับท่าน
ก็เพราะเห็นว่าท่านเป็นผู้มีภูมิปัญญา กล้าหาญ และมีคุณธรรมความประพฤติสูงส่ง
แต่ว่าบัดนี้ เหลียนพวอคิดหาวิธีที่จะหยามหยันท่าน ท่านกลับเอาแต่เกรงกลัวเขา หลบซ่อนเขา
ความกล้าหาญของท่านช่างมีน้อยเสียเหลือเกิน แม้แต่กระทั่งคนธรรมดาอย่างเราก็ยังรู้สึกอับอาย
แต่ท่านซึ่งเป็นข้าราชการมีตำแหน่งใหญ่โตกลับไม่รู้สึกอะไรเลยเชียวหรือ
พวกเราเหล่านี้ไม่มีความสามารถใด โปรดอนุญาตให้เราลาออกกลับไปอยู่บ้านเสียเถิด”
ลิ่นเซี่ยงหยูรีบรั้งตัวพวกเขาไว้ และถามว่า
“พวกท่านลองใคร่ครวญดูสิว่า เหลียนพวอและกษัตริย์ฉินหวางนั้น
ใครร้ายกาจกว่ากัน ?”
เหล่าบริวารพากันตอบว่า
“ย่อมเปรียบกับกษัตริย์ฉินหวางไม่ได้แน่”
ลิ่นเซี่ยงหยูพูดต่อไปว่า
“ฉินหวางร้ายกาจถึงเพียงนั้น
ข้ายังกล้าว่ากล่าวตำหนิเขาในราชวัง แม้ว่าข้าจะมิได้ฉลาดปราดเปรื่องกระไรนัก
แต่ข้าก็ไม่ถึงกับเกรงกลัวท่านขุนพลเหลียนพวอหรอก ข้าเพียงแต่คิดว่า สาเหตุที่ฉินกว๋อ
ซึ่งเป็นประเทศใหญ่ไม่บดขยี้ประเทศเรา ก็เพราะว่าจ้าวกว๋อมีเราสองคนอยู่ ถ้าหากเราทั้งสองต่อสู้กันเองราวพยัคฆ์
2 ตัว ถ้าเช่นนั้น ก็ย่อมจะมีตัวหนึ่งที่ต้องบาดเจ็บ เมื่อเป็นเช่นนี้
ฉินกว๋อก็จะฉวยช่องทางนั้นเพื่อทำลายเรา ที่ข้ากระทำไปเช่นนี้ สิ่งที่ข้าคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือผลประโยชน์ของประเทศชาติ
มิใช่บุญคุณความแค้นเฉพาะตนแต่อย่างใดเลย”
หลังจากเหลียนพวอได้รู้ถึงถ้อยคำเหล่านี้
ก็รับรู้ถึงความผิดที่ตนได้กระทำลงไปอย่างลึกซึ้ง รู้สึกละอายใจเป็นอันมาก
แบกไม้หนามไว้บนหลัง นำพาบริวารของเขาไปแสดงการยอมรับในความผิดพลาดที่ตนก่อขึ้นที่บ้านของลิ่นเซี่ยงหยู
เขาพูดว่า
“ข้าเป็นคนหยาบกระด้างคนหนึ่ง มิได้รู้เลยว่าท่านช่างมีน้ำใจอันกว้างใหญ่ลึกล้ำเช่นนี้”
นับแต่นั้นมา
ความสัมพันธ์ระหว่างเหลียนพวอกับลิ่นเซี่ยงหยูก็ดีขึ้นเป็นลำดับ จนกลายเป็นมิตรสหายที่สนิทกันอย่างลึกซึ้ง
เรืองรอง รุ่งรัศมี
แปลและเรียบเรียง
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกใน เปิดบันทึกประวัติศาสตร์ อ่านกลยุทธ์
สำนักพิมพ์แสงดาว พ.ศ.2534
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น