ค้นหาบทความ

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บุรุษเหล็ก เจิ้ง สือ เผย


            ต้นสมัยหมินกว๋อ ภัยโจรคลุมครองไปทั่วทิศ ครอบครัวใหญ่ที่มีเงิน จำต้องจ้างครูมวยมาคุ้มครองครอบครัว ที่เซียงซือวานมีอยู่เพียงไม่กี่ครอบครัวที่มีเงินพอจะจ้างครูมวยได้ พวกเขาจึงร่วมกันรวบรวมเงิน แล้วไปจ้างเถี่ยฮั่นที่หมู่บ้านใกล้กันมาสอนวิทยายุทธ์เป็นการไม่ประมาท
            เถี่ยฮั่น เป็นคนภาคเหนือ เล่ากันว่าเคยเข้าร่วมกับอี้เหอถวน กองกำลังจัดตั้งของประชาชนเพื่อต่อต้านจักรวรรดินิยม แล้วยังเป็นผู้นำคนหนึ่งอีกด้วย เขามีวิทยายุทธ์อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ดังนั้น ผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะทดสอบวิทยายุทธ์ของเถี่ยฮั่น คิดจะคัดเลือกชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอาดาบไปฟันท้องของเถี่ยฮั่น เลือกไปเลือกมาก็เลือกเอาเสี่ยวหู่จื่อเข้า
            เสี่ยวหู่จื่อ ไม่มีพ่อแม่ ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็กินข้าวชาวบ้าน ใส่เสื้อผ้าของชาวบ้านเติบโตมา เขาเป็นคนจิตใจดี พอได้ยินว่าให้เขาเอาดาบไปฟันเถี่ยฮั่น พูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมทำตาม จนตอนหลังด้วยการเกลี้ยกล่อมอย่างอดทนของซานไท่ จึงได้ยอมถือดาบวาววับฟันเบาๆ ไปที่ท้องของเถี่ยฮั่น
            หนึ่งครั้ง สองครั้ง ท้องนั้นไม่เป็นไรเลย ซานไท่ดูอยู่ข้างๆ ด้วยความหงุดหงิด พูดว่า
"แกกำลังเกาเขาหรือ ออกแรงหน่อยสิ"
            คนที่มุงดูอยู่ก็ร่วมกันร้องเชียร์ บอกให้เสี่ยวหูจื่อออกแรง เสี่ยวหู่จื่อมองดูเถี่ยฮั่นอย่างขลาดๆ เถี่ยฮั่นยิ้มกับเขาพยักหน้าหงึกหงัก เสี่ยวหูจื่อลังเลอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจออกแรงฟันไปดาบหนึ่ง
            ดาบดูเหมือนถูกดีดสะท้อน เสี่ยวหูจื่อโยนดาบทิ้งโดยพลัน แล้วไปดูพุงของเถี่ยฮัน พบว่าที่ผิวหนังตรงพุงนอกจากมีรอยขาวๆ รอบหนึ่งเพิ่มเข้ามาแล้ว ไม่มีอะไรอื่นอีก จึงได้วางใจยิ้มออกมา

            จากนั้นมา เสี่ยวหู่จื่อกลายเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเถี่ยฮันที่สุด กลางวันกลางคืนก็อยู่ข้างกายเถี่ยฮั่น ดูราวจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกันฉะนั้น
            เพราะเหตุที่ชาวเซียงซือวานได้เห็นวิชาดาบฟันไม่เข้าของเถี่ยฮั่นกับตา ความกระตือรือร้นในการฝึกวิทยายุทธ์จึงสูงอย่างยิ่ง ทางนั้นก็เรียกอาจารย์เถี่ยฮั่น ทางนี้ก็ร้องเรียกอาจารย์เถี่ยฮั่น ถ้ามีปัญหาอะไรในครอบครัว ก็ล้วนแต่มาเชิญเถี่ยฮั่นให้ไปตัดสินให้ความเป็นธรรม บางครั้งก็เชิญไปดื่มสุราที่เพิ่งเปิดไห ชื่อเสียงของเถี่ยฮั่นโด่งดังยิ่งขึ้นทุกวัน จนค่อยๆ กลายเป็นเสาหลักสำคัญของหมู่บ้าน
            ผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ เฝ้าจับตาดูด้วยอารมณ์ไม่เป็นสุขอยู่ในใจ เขาแอบนัดหมายคนสนิทเพื่อปรึกษาหารือ คิดจะขับไล่เถี่ยฮั่นไปเสียให้พ้น คนสนิทต่างคิดกันว่าถ้าขับไล่เถี่ยฮั่นไปเสียแล้ว หากวันใดมีโจรมา จะมีใครเข้าไปต่อกร ดังนั้น ต่างก็เตือนให้เขาเก็บเถี่ยฮั่นไว้ รอจนเมื่อในหมู่บ้านมีคนฝึกวิชาคงกระพันได้ ค่อยคิดขับไล่เถี่ยฮั่นไปเสีย ก็ยังไม่สาย
            เจิ้งซานไท่ เห็นว่าคนสนิทไม่สนับสนุนให้ขับไล่เถี่ยฮั่น ได้แต่ถอนใจยาวๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ละวันไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่ มักจะไปเดินวนเวียนที่ลานฝึกวิทยายุทธ์ แลดูคนในหมู่บ้านฝึกวิทยายุทธ์

            พอเวลาผ่านไปนานเข้า เวลามีงานมงคลหรืองานศพของคนในหมู่บ้าน พวกเขามักจะเชิญเถี่ยฮั่นไปร่วมงานโดยลืมเชิญเจิ้งซานไท่อยู่เสมอๆ เจิ้งซานไท่ก็ไม่โวยวาย อุ่นสุราดื่มอยู่ที่บ้านตนเอง รอจนเมื่อเจ้าภาพนึกขึ้นได้ว่าลืมเชิญผู้ใหญ่บ้านมาร่วมงาน ค่อยออกไปเชิญ เขาก็ยังไปร่วมงาน ทั้งยังประสานมือคารวะผู้คนแล้วพูดว่า มาสายแล้ว มาสายแล้ว
            คงเป็นเพราะความตั้งใจฝึกวิทยายุทธ์ของชาวเซียงซือวานจริงจังเสียจนพวกโจรตกใจกลัว หรือบางทีอาจเป็นเพราะเซียงซือวานไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรให้ปล้น พวกโจรมุดเข้ามุดออกบริเวณรอบๆ หมู่บ้านเซียงซือวานอย่างไร ก็ไม่เคยไปรบกวนเซียงซือวานเลย ความคึกคักในการฝึกวิทยายุทธ์ของชาวเซียงซือวาน ก็เลยยิ่งกระตือรือร้นจริงจังยิ่งขึ้น ในจำนวนคนเหล่านั้นต้องถือว่าวิทยายุทธ์ของเสี่ยวหู่จื่อก้าวหน้าเร็วยิ่งกว่าผู้ใด กำหมัดชกไปโครม โครม โครม ก็สามารถซัดก้อนหินทั้งก้อนเสียแหลกละเอียด ไม่ทันนาน เสี่ยวหู่จื่อยังสามารถฝึกเคล็ดวิชาดาบฟันไม่เข้าของเถี่ยฮั่นได้สำเร็จ ว่างๆ ยังให้คนเอาดาบฟันพุงของเขาบ่อยๆ
          
            วันหนึ่ง ที่อำเภอเรียกตัวผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ไปประชุม เมื่อเจิ้งซานไท่กลับจากประชุมที่อำเภอ บนใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้มที่น้อยครั้งจะปรากฏให้เห็น เขาเรียกผู้ฝึกวิทยายุทธ์ในหมู่บ้านมารวมกัน แล้วพูดว่า
ทางอำเภอชมเชยพวกเราว่าฝึกวิทยายุทธ์ได้มาก ต้องการให้พวกเราไปช่วยจับโจรกับพวกที่อำเภอ เป็นการร่วมแรงร่วมใจออกแรงเพื่อความสงบสุข นี่เป็นเรื่องดีที่จะได้เผยแพร่เกียรติคุณของบรรพบุรุษ

            วันนั้น เจิ้งซานไท่เป็นประธานแบ่งคนที่ฝึกวิทยายุทธ์ออกเป็นหลายหน่วย ทั้งหมดให้เถี่ยฮั่นนำไปซ่อนตัวนอกหมู่บ้าน รอซุ่มโจมตีพวกโจร เถี่ยฮั่นไม่อยากรับพูดขึ้นว่า
"เรื่องใหญ่อย่างนี้ สมควรให้ผู้ใหญ่บ้านนำพวกเราถึงจะถูก"
            ชาวบ้านฟังคำของเถี่ยฮั่น คิดดูก็มีเหตุผล พากันขอให้เจิ้งซานไท่รับหน้าที่ผู้นำใหญ่ เจิ้งซานไท่ยิ้มแห้งๆ พูดว่า
"ขอบคุณที่ทุกท่านสนับสนุน แต่ว่าตัวข้าไม่รู้วิทยายุทธ์ พูดไปอีกที ก็ยังคงต้องมีคนคอยส่งข้าวส่งน้ำให้พวกท่านด้วย"
            เสี่ยวหู่จื่อก็อยากให้เถี่ยฮั่นนำพาพวกเขา แสดงอาการยินดีปฏิบัติตามการบัญชาการของเถี่ยฮั่นอย่างกระตือรือร้น คนอื่นๆ คิดดูแล้วก็เห็นว่าเจิ้งซานไท่ไม่รู้วิทยายุทธ์จริงๆ ถ้าให้เขาไปจริงๆ ไม่แน่ ว่าอาจเป็นที่กีดมือขวางตีนก็เป็นได้ ต่างจึงร้องเร่งให้เถี่ยฮั่นรีบออกเดินทาง
            เถี่ยฮั่นถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง นำพาผู้คนมายังจุดหมอบซุ่มที่เคยเลือกไว้แล้วอย่างเงียบๆ ผู้คนต่างคึกคักกระปรี้กระเปร่า ฝึกวิทยายุทธ์มาเป็นเวลาตั้งนาน จะได้มีโอกาสลองวิชากันเสียที มีเพียงเถี่ยฮั่น เท่านั้นที่อึดอัดกลัดกลุ้ม ดึงตัวเสี่ยวหู่จื่อไปเสียทางหนึ่ง กำชับว่า
สักเดี๋ยวถ้าเกิดสู้กันขึ้นมา ถ้าเจ้าได้ยินเสียงปืนดัง ต้องรีบหนีไปเสียให้พ้น อย่าได้เอาชีวิตไปทิ้งเสียเป็นอันขาด

            พูดถึงตรงนี้ ผู้คนทางด้านนั้นก็เกิดวุ่นวายขึ้นมา เถี่ยฮั่นมองดูขบวนผู้คนที่ยกมาจากที่ไกลๆ แวบหนึ่ง ใบหน้าเคร่งเครียดลงในทันใด นี่เป็นพวกโจรป่าจากที่ไหนกัน! กำลังคิดจะออกคำสั่งให้ถอยกลับหมู่บ้าน มีคนหลายคนร้องตะโกนบุกไปยังคนกลุ่มนั้น ตามติดด้วยผู้คนมากมายที่กระโจนขึ้นมาจากจุดหมอบซุ่ม บุกไปยังคนกลุ่มนั้น ตอนที่เถี่ยฮั่นคิดจะขัดขวางก็ได้สายไปเสียแล้ว ได้ยินแต่เสียงปืนดัง ปัง ปัง ปัง ระลอกหนึ่ง พวกคนที่บุกไปอย่างบ้าคลั่ง พากันร่วงลงไปทีละคนๆ จนสิ้น

            คืนนั้น เจิ้งซานไท่นำขบวนแม่บ้านเอาข้าวไปส่งยังจุดหมอบซุ่ม มองดูศพของเถี่ยฮั่น พูดอย่างชั่วร้ายว่า
"ไหนว่าแทงฟันไม่เข้าไงล่ะ? ฮึ จะมาสู้กับข้าได้อย่างไร"
            พวกแม่บ้านร้องไห้กันหลายวันหลายคืน ท้ายที่สุดยังคงเอาศพของญาติไปฝัง ไม่มีใครสังเกตสังกาตัวผู้ใหญ่บ้าน จนเมื่อเสร็จจากเรื่องวุ่นทั้งหลาย ผู้คนจึงนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนจะไม่พบศพของเสี่ยวหูจื่อ ตามหากันจนทั่วก็ไม่พบแม้เงา มีคนมองเห็นที่หลุมศพใหม่ๆ ไกลๆ มีคนคุกเข่าอยู่คนหนึ่งจึงเร่งรีบไปดู
            บนคอของคนผู้นั้นมีเชือกคล้องอยู่เส้นหนึ่ง เขาขาดใจตายไปนานแล้ว ผู้คนดูชัดเจนแล้วจึงเห็นว่า คนผู้นี้คือผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ พวกเขาฝังเขาลวกๆ ไม่มีใจคิดออกตามหาเสี่ยวหู่จื่ออีก


เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
2007
 
พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ “ในยุทธจักร” เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 791 วันที่ 26 ก.ย.-2 ส.ค. 2550

ยิ้มเยาะโลก 笑紅塵 แปลเพลงจีน

วรรณกรรมกำลังภายในเรื่อง "กระบี่เย้ยยุทธจักร" (笑傲江湖) ของ กิมย้ง (จินยง - 金庸) ถูกนำมาทำเป็นหนังหลายภาค โดยให้ความสำคัญกับตัวละครสำคัญ "บูรพาไม่แพ้” (ตงฟางปุ๊ป้าย-東方不敗-บูรพาไม่แพ้) ซึ่งรับบทโดย หลินชิงเสีย-林青霞
หนังเรื่องนี้ได้ทั้งเงินและกล่อง กลายเป็นหนังกำลังภายในอมตะไตรภาคในประวัติศาสตร์หนังจีน
ในหนังแต่ละภาคจะมีเพลงไพเราะ และเป็นที่จดจำประทับใจในหมู่ผู้ฟังเพลงจีน เพลงแต่ละเพลงของหนังเรื่องนี้มีทั้งภาคที่เป็นภาษากวางตุ้งและภาษาจีนกลาง ความหมายของเนื้อเพลงทั้ง 2 ภาษาใกล้เคียงกัน ท่วงทำนองไพเราะ เนื้อหาลึกซึ้ง งดงาม
เพลงที่นำมาให้ฟังในที่นี้เป็นภาคภาษาจีนกลาง เสียงร้องของ เฉินสูฮว๋า 陳淑樺 นักร้องที่มีเพลงโด่งดังอยู่มากมาย

笑紅塵
ยิ้มเยาะโลก
詞:厲曼婷 / 曲:李宗盛 / 唱:陳淑樺
คำร้อง : ลี่ม่านถิง / ทำนอง : หลี่จงเซิ่ง / ขับร้อง : เฉินสูฮว๋า

红尘多可笑
โลกช่างน่าหัวร่อเสียนี่กระไร
痴情最无聊
ลุ่มหลงเมามายรักน่าเบื่อหน่าย
目空一切也好
ไม่แลดูสิ่งใดเลยคงจะดี
此生未了
ชีวิตนี้ยังมิสิ้น
心却已无所扰
ใจกลับสิ้นสิ่งรบกวนแล้ว
只想换得半世逍遥
เพียงหวังครึ่งชาตินี้เริงสราญ
醒时对人笑
ยามตื่นยิ้มแย้มหัวเราะร่ากับผู้คน
梦中全忘掉
ในฝันก็ลืมสิ้น
叹天黑得太早
ทอดถอนใจว่าฟ้านั้นช่างมืดเร็วเสียเหลือเกิน
来生难料
ชาติหน้ายากจะคาดคะเน
爱恨一笔勾销
ความรักความแค้นลบหายในฝ่ามือเดียว
对酒当歌
เบื้องหน้าสุราควรขับขานบทเพลง
我只愿开心到老
ข้าปรารถนาเพียงเบิกบานจนแก่เฒ่

 *风再冷不想逃
สายลมหนาวเย็นยิ่งกว่านี้ก็ไม่คิดหลบหนี
花再美也不想要
ดอกไม้งามยิ่งกว่านี้ก็มิได้ปรารถนา
任我飘摇
ข้าจะลอยล่องไปตามใจ
天越高心越小
ฟ้ายิ่งสูง ใจยิ่งเล็ก
不问因果有多少
ไม่ถามว่าบาปบุญมีเท่าไร
独自醉倒
เมามายกับตัวเอง
今天哭
วันนี้ร่ำไห้
明天笑
พรุ่งนี้หัวร่อร่า
不求有人能明了
ไม่ขอให้ใครมาเข้าใจ
一身骄傲
ทระนงในตัว
歌在唱
บทเพลงกำลังขับขาน
舞在跳
เริงรำระบำฟ้อน
长夜漫漫不觉晓
ค่ำคืนยาวนานมิรู้แจ้ง
将快乐寻找**
เสาะหาความรื่นรมย์


เรืองรอง รุ่งรัศมี 


Check out this video on YouTube:


เซียน และเทพ


            บนหิ้งบูชาของชาวจีน มีรูปเคารพอะไรบ้าง?
            พระพุทธรูป
            เจ้าแม่กวนอิม
            แป๊ะกง
            ตี่จู๋เอี๊ย
            จี้กง
            ฮก ลก ซิ่ว
            ไท่ เสียง เล่า กุน
            ไฉ่ สิ่ง เอี๊ย
            ฮู้ หรือผ้ายันต์
            และ ฯลฯ
            นอกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว ชาวจีนยังเคารพบรรพบุรุษ การกราบไหว้บรรพบุรุษ เป็นคติความเชื่อที่มีลักษณะพิเศษโดดเด่นแตกต่างจากคติธรรมเนียมของชนชาติอื่น
            การกราบไหว้บูชารูปเคารพต่างๆ ของชาวจีน คือปรากฏการณ์ที่สะท้อนอุดมคติอันสืบต่อการมายาวนาน เป็นขนบประเพณีและความเชื่อเชิงจริยธรรม คติความเชื่อนี้ ผสมผสานทั้งแนวคิดฝ่ายพุทธ แนวคิดฝ่ายเต๋า และขงจื๊อ
            พุทธแบบจีน ผสมผสานอุดมคติแบบโพธิสัตว์และการปล่อยวางหลุดพ้นเข้าไว้ด้วยกัน ขณะหนึ่งจึงมีแนวคิดแบบอยู่เหนือโลก แต่พร้อมกันก็มีแนวคิดแบบอยู่กับโลกด้วย พุทธตามอุดมคติแบบจีนจึงออกจะเป็นพุทธแบบไม่นิ่งดูดาย เป็นแนวคิดแบบคาดหวังให้เข้าร่วมแบกรับภารกิจของสังคม และของโลก
            รูปเทพของจีนน่าจะจัดอยู่ในกลุ่มเทวรูป เทวรูปโดยหลักการแล้วคือรูปเทพเทวา หรือ 'เสิน' (shen) (จีนกลางอ่าน 'เสิน' แต้จิ๋วอ่าน 'ซิ้ง)
            ไฉ่สิ่งเอี๊ย (cai shen ye : ไฉ เสิน เหยฺ เสียงจีนกลาง) คือ เทพเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ (ไฉ cai : ทรัพย์สมบัติ, shen เสิน = เทพ, ye : เหยฺ = ผู้เฒ่า, คำที่เติมเข้าไปเพื่อใช้เรียกขุนนาง, คหบดี หรือเทพเจ้า) เป็นเทพเจ้าที่ชาวจีนกราบไหว้ขอพรให้ร่ำรวย ช่วยนำพาทรัพย์สมบัติมาให้
            เทพที่คล้ายไฉ่สิ่งเอี๊ย คือให้โชคลาภความร่ำรวย ยังนิยม ฮก ลก ซิ่ว (fu lu shou : ฝู ลู่ โซ่ว) ฝู หรือ ฮก คือ ลาภสมบัติ, ทรัพย์สิน และความสุข ความโชคดี, ลู่ หรือ ลก คือ ยศสมบัติ ตำแหน่งราชการ หรือสถานะทางสังคม, โซ่ว หรือ ซิ่ว คือการมีอายุยืน  (บางทีแทน ฮก ลก ซิ่ว ด้วยรูปค้างคาว, กวาง และลูกท้อ ในเชิงสัญลักษณ์)
            ความคิดเรื่องมีอายุยืน หรือมีชีวิตอมตะ ไปพ้องกับความคิดเรื่อง 'เซียน (xian) ในลัทธิเต๋า เซียน คือผู้บรรลุมรรคผลเป็นคนเหนือโลกที่ไม่ตาย การบรรลุเซียนอาจจะเป็นผลจากการบำเพ็ญเพียรในทางธรรม หรือจากการได้กินยาอายุวัฒนะ หรือ 'เซียนตัน' (xian dan) ก็ได้
            'เซียน' ในแนวคิดจีนมีมากมาย มีรูปลักษณ์ต่างๆ กัน 'โป๊ยเซียน' หรือ 'แปดเซียน' (ba xian : ปาเซียน) คือเทพ 8 องค์ในตำนาน ที่มีอภินิหาร และชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก เรื่องเล่าเกี่ยวกับ 'เซียน' และ '8 เซียน' นอกจากเป็นเรื่องเชิงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แล้ว หลายเรื่องยังมีลักษณะแบบเรื่องของจอมยุทธ์ด้วย
            ในแนวคิดจีน เซียนกับเทพ จะแยกแยะลักษณะคุณสมบัติที่แตกต่างอย่างเด็ดขาดชัดเจนยาก และเส้นแบ่งระหว่างเทพในแนวคิดเต๋า กับเทพในแนวคิดพุทธ ก็พร่ามัวมากในความคิดของชาวบ้านจีน
            จี้กง (ji gong) และเจ้าแม่กวนอิม (guan shi yin : กวน สื้อ อิน) ถ้าจัดแบ่งตามคติความเชื่อที่มาที่ไปแล้ว น่าจะเป็นแนวความคิดทางพุทธ แต่เมื่อพุทธศาสนาเข้าสู่จีนนั้น ได้ผสานเอาทั้งลัทธิพราหมณ์และลัทธิเต๋าเข้าไว้ด้วย ความเป็น 'พระ' และความเป็น 'เทพ' จึงผสานเข้าหากัน ศัพท์ภาษาจีน : shen fo : เสินฝอ-จีนกลาง, สิ่งฮุก-แต้จิ๋ว) โดยรูปคำแปลว่า เทพ และพระ โดยกินความได้ทั้งความหมาย 'สิ่งศักดิ์สิทธิ์', 'เทพเจ้า' แม้แต่รูปปั้นแทนตัวศวกยะมุนีพุทธะและเจ้าแม่กวนอิม หรือพระอวโลกิเตศวร ก็ใช้คำ 'เสินฝอ' หรือ 'สิ่งฮุก' เรียกแทนได้
            เวลาคนจีนพูดว่า 'ไป้เสิน' (bai shen) แปลโดยเคร่งครัดแล้วควรจะหมายถึงการไหว้เทพในสายคติคิดเต๋า แต่แม้ไปไหว้พระพุทธรูป หรือไปกราบไหว้เจ้าแม่กวนอิม จะใช้คำว่า 'ไป้เสิน' ก็มิได้รู้สึกว่าฟังแปร่งหูนัก
            ที่จริงแล้วพระพุทธรูปมีคำศัพท์เฉพาะว่า 'ฝอเซียง' (fo xiang-จีนกลาง) ส่วนเทวรูปมีศัพท์เฉพาะว่า 'เสิน เซียง' (shen xian) เสินฝอ (shen fo) อันหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จึงหมายรวมถึงทั้งเทวรูป และพุทธรูป
            ความกำกวมคลุมเครือในแนวคิดอุดมคติเรื่องความดี และกุศลผลบุญของจีนนั้น ยากจะแยกแยะเต๋าและพุทธออกจากกันอย่างเด็ดขาด ถึงอย่างไรอุดมคติ เรื่อง 'ความดี' ความเป็น 'กุศล' และ 'บุญ' นั้น ก็เป็นสภาวะดีงาม เป็นนามธรรมแห่งอุดมคติ และเป็นธรรมภาวะ เป็นภาวะสงบสุข ปลอดจากพันธนาการและความรัดรึงที่ชวนให้อึดอัดคับข้อง
            การผสมผสานแนวคิดแบบพุทธ, เต๋า และขงจื๊อ ปรากฏทั่วไปในวรรณกรรมบู๊เฮี้ยบ หลักการของจอมยุทธ์ แยกออกจากอุดมคติของ 3 สายธารความคิดนี้ยากอย่างยิ่ง นักเขียนเรื่องบู๊เฮี้ยบที่ได้รับการยกย่องสูง ไม่เพียงแต่จะเป็นนักเขียนเรื่องแต่งที่มีความสามารถมาก หากแต่ยังต้องผสานความรู้เชิง 'จีนวิทยา' เข้าไว้ในเรื่องอย่างกลมกลืน
            ความรู้เชิงจีนวิทยา ครอบคลุมทั้งเรื่องปรัชญาจีน ขนบธรรมเนียมประเพณี สังคม วัฒนธรรม ศิลปะ และประวัติศาสตร์จีน ความรู้เหล่านี้ผสมผสานและแฝงอยู่ในเรื่องบู๊เฮี้ยบชั้นดี การที่ 'กิมย้ง' ถูกยกย่องมากกว่านักเขียนเรื่องบู๊เฮี้ยบคนใดๆ นั้น มิได้เพียงเพราะว่าเขาเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่งอย่างยิ่ง แต่คำยกย่องทั้งหลายยังมาจากการยกย่องใน 'องค์ความรู้' ด้านจีนวิทยาอันกว้างขวางและลึกซึ้งอีกด้วย



เรืองรอง รุ่งรัศมี


ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ "ในยุทธจักร" เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 778

วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เพลงรัก 1980 恋曲1980

เพลงรัก 1980 
恋曲1980 
liàn qū  1980

你曾经对我说 你永远爱著我
nǐ céng jīng duì wǒ shuō  nǐ yǒng yuǎn ài zhe wǒ
เธอเคยบอกกับฉันว่า เธอนั้นรักฉันมั่นคงนิรันดร
爱情这东西我明白 但永远是甚么
ài qíng zhè dōng xī wǒ míng bái  dàn yǒng yuǎn shì shèn me
เจ้าสิ่งที่เรียกว่าความรักนั้นฉันเข้าใจ  แต่ว่านิรันดรนั้นคือสิ่งใด?
姑娘你别哭泣 我俩还在一起
gū niáng nǐ bié kū qì  wǒ liǎng hái zài yī qǐ
แม่นางเอย  เธอจงอย่าได้ร่ำไห้  เราสองยังอยู่ร่วมกันอยู่
今天的欢乐将是 明天永远的回忆
jīn tiān de huān lè jiāng shì   míng tiān yǒng yuǎn de huí yì
ความรื่นเริงในวันนั้น  จะกลายมาเป็นความเจ็บปวดยามรำลึกถึงในวันพรุ่งนี้
今天的欢乐将是 明天永远的回忆
jīn tiān de huān lè jiāng shì   míng tiān yǒng yuǎn de huí yì
ความรื่นเริงในวันนั้น  จะกลายมาเป็นความเจ็บปวดยามรำลึกถึงในวันพรุ่งนี้
甚么都可以抛弃 甚么也不能忘记
shèn me dōu kě yǐ pāo qì  shèn me yě bù néng wàng jì
สิ่งใดๆ ก็เป็นสิ่งที่ละทิ้งได้  สิ่งใดๆ ก็อย่าได้ลืมเลือน
现在你说的话 都只是你的勇气
xiàn zài nǐ shuō de huà  dōu zhī shì nǐ de yǒng qì
ถ้อยคำที่เธอกล่าวในบัดนี้  ล้วนแต่เป็นเพียงความกล้าหาญของเธอ
春天刮著风 秋天下著雨
chūn tiān guā zhe fēng  qiū tiān xià zhe yǔ
ฤดูใบไม้ผลิสายลมพรายพัด  ฤดูใบไม้ร่วงสายฝนหลั่ง
春风秋雨 多少海誓山盟随风远去
chūn fēng qiū yǔ  duō shǎo hǎi shì shān méng suí fēng yuǎn qù
สายลมฤดูใบไม้ผลิ  สายฝนฤดูใบไม้ร่วงและถ้อยคำสาบาน 
อันสะเทือนฟ้าสะเทือนดินจำนวนเท่าไร  พัดลอยไกลไปกับสายลม

亲爱的 莫再说 你我永远不分离
qīn ài de  mò zài shuō  nǐ wǒ yǒng yuǎn bù fēn lí
โอ้...ที่รัก  อย่าได้พูดอีกเลย  ว่าเธอและฉันจะไม่แยกจากกันนิรันดร
你不属于我  我也不拥有你
nǐ bù shǔ yú wǒ  wǒ yě bù yǒng yǒu nǐ
เธอมิได้เป็นของฉัน  และฉันก็มิได้ครอบครองเป็นเจ้าของเธอ
姑娘世上 没有人有占有的权利
gū niáng shì shàng  méi yǒu rén yǒu zhàn yǒu de quán lì
แม่นางเอย  โลกนี้ไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์ที่จะยึดครอง
或许我们分手 就这么不回头
huò xǔ wǒ men fēn shǒu  jiù zhè me bù huí tóu
บางทีเราอาจต้องแยกจากกัน  และไม่เหลียวหลังกลับมาเช่นนี้เอง
至少不用编织一些 美丽的藉口
zhì shǎo bù yòng biān zhī yī xiē  měi lì de jí kǒu
แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องถักร้อยถ้อยคำสวยหรูเพื่อกล่าวอ้าง

亲爱的 莫再说 你我永远不分离
qīn ài de  mò zài shuō  nǐ wǒ yǒng yuǎn bù fēn lí
โอ้...ที่รัก  อย่าได้พูดอีกเลย  ว่าเธอและฉันจะไม่แยกจากกันนิรันดร
亲爱的 莫再说 你我永远不分离
qīn ài de  mò zài shuō  nǐ wǒ yǒng yuǎn bù fēn lí
โอ้...ที่รัก  อย่าได้พูดอีกเลย  ว่าเธอและฉันจะไม่แยกจากกันนิรันดร
亲爱的 莫再说 你我明天要分离
qīn ài de  mò zài shuō  nǐ wǒ míng tiān yào fēn lí
โอ้...ที่รัก  อย่าได้พูดอีกเลย  ว่าพรุ่งนี้เธอและฉันจะแยกจากกัน
亲爱的 莫再说 你我永远不分离
qīn ài de  mò zài shuō  nǐ wǒ yǒng yuǎn bù fēn lí
โอ้...ที่รัก  อย่าได้พูดอีกเลย  ว่าเธอและฉันจะไม่แยกจากกันนิรันดร






เรืองรอง รุ่งรัศมี
พิมพ์ครั้งแรกในหนังสือ “กิ่งไผ่และดวงโคม”

Check out this video on YouTube: