ค้นหาบทความ

วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บุรุษเหล็ก เจิ้ง สือ เผย


            ต้นสมัยหมินกว๋อ ภัยโจรคลุมครองไปทั่วทิศ ครอบครัวใหญ่ที่มีเงิน จำต้องจ้างครูมวยมาคุ้มครองครอบครัว ที่เซียงซือวานมีอยู่เพียงไม่กี่ครอบครัวที่มีเงินพอจะจ้างครูมวยได้ พวกเขาจึงร่วมกันรวบรวมเงิน แล้วไปจ้างเถี่ยฮั่นที่หมู่บ้านใกล้กันมาสอนวิทยายุทธ์เป็นการไม่ประมาท
            เถี่ยฮั่น เป็นคนภาคเหนือ เล่ากันว่าเคยเข้าร่วมกับอี้เหอถวน กองกำลังจัดตั้งของประชาชนเพื่อต่อต้านจักรวรรดินิยม แล้วยังเป็นผู้นำคนหนึ่งอีกด้วย เขามีวิทยายุทธ์อยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ดังนั้น ผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะทดสอบวิทยายุทธ์ของเถี่ยฮั่น คิดจะคัดเลือกชายฉกรรจ์คนหนึ่งเอาดาบไปฟันท้องของเถี่ยฮั่น เลือกไปเลือกมาก็เลือกเอาเสี่ยวหู่จื่อเข้า
            เสี่ยวหู่จื่อ ไม่มีพ่อแม่ ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็กินข้าวชาวบ้าน ใส่เสื้อผ้าของชาวบ้านเติบโตมา เขาเป็นคนจิตใจดี พอได้ยินว่าให้เขาเอาดาบไปฟันเถี่ยฮั่น พูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมทำตาม จนตอนหลังด้วยการเกลี้ยกล่อมอย่างอดทนของซานไท่ จึงได้ยอมถือดาบวาววับฟันเบาๆ ไปที่ท้องของเถี่ยฮั่น
            หนึ่งครั้ง สองครั้ง ท้องนั้นไม่เป็นไรเลย ซานไท่ดูอยู่ข้างๆ ด้วยความหงุดหงิด พูดว่า
"แกกำลังเกาเขาหรือ ออกแรงหน่อยสิ"
            คนที่มุงดูอยู่ก็ร่วมกันร้องเชียร์ บอกให้เสี่ยวหูจื่อออกแรง เสี่ยวหู่จื่อมองดูเถี่ยฮั่นอย่างขลาดๆ เถี่ยฮั่นยิ้มกับเขาพยักหน้าหงึกหงัก เสี่ยวหูจื่อลังเลอีกครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจออกแรงฟันไปดาบหนึ่ง
            ดาบดูเหมือนถูกดีดสะท้อน เสี่ยวหูจื่อโยนดาบทิ้งโดยพลัน แล้วไปดูพุงของเถี่ยฮัน พบว่าที่ผิวหนังตรงพุงนอกจากมีรอยขาวๆ รอบหนึ่งเพิ่มเข้ามาแล้ว ไม่มีอะไรอื่นอีก จึงได้วางใจยิ้มออกมา

            จากนั้นมา เสี่ยวหู่จื่อกลายเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเถี่ยฮันที่สุด กลางวันกลางคืนก็อยู่ข้างกายเถี่ยฮั่น ดูราวจะเป็นพี่น้องท้องเดียวกันฉะนั้น
            เพราะเหตุที่ชาวเซียงซือวานได้เห็นวิชาดาบฟันไม่เข้าของเถี่ยฮั่นกับตา ความกระตือรือร้นในการฝึกวิทยายุทธ์จึงสูงอย่างยิ่ง ทางนั้นก็เรียกอาจารย์เถี่ยฮั่น ทางนี้ก็ร้องเรียกอาจารย์เถี่ยฮั่น ถ้ามีปัญหาอะไรในครอบครัว ก็ล้วนแต่มาเชิญเถี่ยฮั่นให้ไปตัดสินให้ความเป็นธรรม บางครั้งก็เชิญไปดื่มสุราที่เพิ่งเปิดไห ชื่อเสียงของเถี่ยฮั่นโด่งดังยิ่งขึ้นทุกวัน จนค่อยๆ กลายเป็นเสาหลักสำคัญของหมู่บ้าน
            ผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ เฝ้าจับตาดูด้วยอารมณ์ไม่เป็นสุขอยู่ในใจ เขาแอบนัดหมายคนสนิทเพื่อปรึกษาหารือ คิดจะขับไล่เถี่ยฮั่นไปเสียให้พ้น คนสนิทต่างคิดกันว่าถ้าขับไล่เถี่ยฮั่นไปเสียแล้ว หากวันใดมีโจรมา จะมีใครเข้าไปต่อกร ดังนั้น ต่างก็เตือนให้เขาเก็บเถี่ยฮั่นไว้ รอจนเมื่อในหมู่บ้านมีคนฝึกวิชาคงกระพันได้ ค่อยคิดขับไล่เถี่ยฮั่นไปเสีย ก็ยังไม่สาย
            เจิ้งซานไท่ เห็นว่าคนสนิทไม่สนับสนุนให้ขับไล่เถี่ยฮั่น ได้แต่ถอนใจยาวๆ ไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ละวันไม่ว่าจะมีธุระหรือไม่ มักจะไปเดินวนเวียนที่ลานฝึกวิทยายุทธ์ แลดูคนในหมู่บ้านฝึกวิทยายุทธ์

            พอเวลาผ่านไปนานเข้า เวลามีงานมงคลหรืองานศพของคนในหมู่บ้าน พวกเขามักจะเชิญเถี่ยฮั่นไปร่วมงานโดยลืมเชิญเจิ้งซานไท่อยู่เสมอๆ เจิ้งซานไท่ก็ไม่โวยวาย อุ่นสุราดื่มอยู่ที่บ้านตนเอง รอจนเมื่อเจ้าภาพนึกขึ้นได้ว่าลืมเชิญผู้ใหญ่บ้านมาร่วมงาน ค่อยออกไปเชิญ เขาก็ยังไปร่วมงาน ทั้งยังประสานมือคารวะผู้คนแล้วพูดว่า มาสายแล้ว มาสายแล้ว
            คงเป็นเพราะความตั้งใจฝึกวิทยายุทธ์ของชาวเซียงซือวานจริงจังเสียจนพวกโจรตกใจกลัว หรือบางทีอาจเป็นเพราะเซียงซือวานไม่มีทรัพย์สินเงินทองอะไรให้ปล้น พวกโจรมุดเข้ามุดออกบริเวณรอบๆ หมู่บ้านเซียงซือวานอย่างไร ก็ไม่เคยไปรบกวนเซียงซือวานเลย ความคึกคักในการฝึกวิทยายุทธ์ของชาวเซียงซือวาน ก็เลยยิ่งกระตือรือร้นจริงจังยิ่งขึ้น ในจำนวนคนเหล่านั้นต้องถือว่าวิทยายุทธ์ของเสี่ยวหู่จื่อก้าวหน้าเร็วยิ่งกว่าผู้ใด กำหมัดชกไปโครม โครม โครม ก็สามารถซัดก้อนหินทั้งก้อนเสียแหลกละเอียด ไม่ทันนาน เสี่ยวหู่จื่อยังสามารถฝึกเคล็ดวิชาดาบฟันไม่เข้าของเถี่ยฮั่นได้สำเร็จ ว่างๆ ยังให้คนเอาดาบฟันพุงของเขาบ่อยๆ
          
            วันหนึ่ง ที่อำเภอเรียกตัวผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ไปประชุม เมื่อเจิ้งซานไท่กลับจากประชุมที่อำเภอ บนใบหน้าก็ประดับด้วยรอยยิ้มที่น้อยครั้งจะปรากฏให้เห็น เขาเรียกผู้ฝึกวิทยายุทธ์ในหมู่บ้านมารวมกัน แล้วพูดว่า
ทางอำเภอชมเชยพวกเราว่าฝึกวิทยายุทธ์ได้มาก ต้องการให้พวกเราไปช่วยจับโจรกับพวกที่อำเภอ เป็นการร่วมแรงร่วมใจออกแรงเพื่อความสงบสุข นี่เป็นเรื่องดีที่จะได้เผยแพร่เกียรติคุณของบรรพบุรุษ

            วันนั้น เจิ้งซานไท่เป็นประธานแบ่งคนที่ฝึกวิทยายุทธ์ออกเป็นหลายหน่วย ทั้งหมดให้เถี่ยฮั่นนำไปซ่อนตัวนอกหมู่บ้าน รอซุ่มโจมตีพวกโจร เถี่ยฮั่นไม่อยากรับพูดขึ้นว่า
"เรื่องใหญ่อย่างนี้ สมควรให้ผู้ใหญ่บ้านนำพวกเราถึงจะถูก"
            ชาวบ้านฟังคำของเถี่ยฮั่น คิดดูก็มีเหตุผล พากันขอให้เจิ้งซานไท่รับหน้าที่ผู้นำใหญ่ เจิ้งซานไท่ยิ้มแห้งๆ พูดว่า
"ขอบคุณที่ทุกท่านสนับสนุน แต่ว่าตัวข้าไม่รู้วิทยายุทธ์ พูดไปอีกที ก็ยังคงต้องมีคนคอยส่งข้าวส่งน้ำให้พวกท่านด้วย"
            เสี่ยวหู่จื่อก็อยากให้เถี่ยฮั่นนำพาพวกเขา แสดงอาการยินดีปฏิบัติตามการบัญชาการของเถี่ยฮั่นอย่างกระตือรือร้น คนอื่นๆ คิดดูแล้วก็เห็นว่าเจิ้งซานไท่ไม่รู้วิทยายุทธ์จริงๆ ถ้าให้เขาไปจริงๆ ไม่แน่ ว่าอาจเป็นที่กีดมือขวางตีนก็เป็นได้ ต่างจึงร้องเร่งให้เถี่ยฮั่นรีบออกเดินทาง
            เถี่ยฮั่นถอนใจเบาๆ คราหนึ่ง นำพาผู้คนมายังจุดหมอบซุ่มที่เคยเลือกไว้แล้วอย่างเงียบๆ ผู้คนต่างคึกคักกระปรี้กระเปร่า ฝึกวิทยายุทธ์มาเป็นเวลาตั้งนาน จะได้มีโอกาสลองวิชากันเสียที มีเพียงเถี่ยฮั่น เท่านั้นที่อึดอัดกลัดกลุ้ม ดึงตัวเสี่ยวหู่จื่อไปเสียทางหนึ่ง กำชับว่า
สักเดี๋ยวถ้าเกิดสู้กันขึ้นมา ถ้าเจ้าได้ยินเสียงปืนดัง ต้องรีบหนีไปเสียให้พ้น อย่าได้เอาชีวิตไปทิ้งเสียเป็นอันขาด

            พูดถึงตรงนี้ ผู้คนทางด้านนั้นก็เกิดวุ่นวายขึ้นมา เถี่ยฮั่นมองดูขบวนผู้คนที่ยกมาจากที่ไกลๆ แวบหนึ่ง ใบหน้าเคร่งเครียดลงในทันใด นี่เป็นพวกโจรป่าจากที่ไหนกัน! กำลังคิดจะออกคำสั่งให้ถอยกลับหมู่บ้าน มีคนหลายคนร้องตะโกนบุกไปยังคนกลุ่มนั้น ตามติดด้วยผู้คนมากมายที่กระโจนขึ้นมาจากจุดหมอบซุ่ม บุกไปยังคนกลุ่มนั้น ตอนที่เถี่ยฮั่นคิดจะขัดขวางก็ได้สายไปเสียแล้ว ได้ยินแต่เสียงปืนดัง ปัง ปัง ปัง ระลอกหนึ่ง พวกคนที่บุกไปอย่างบ้าคลั่ง พากันร่วงลงไปทีละคนๆ จนสิ้น

            คืนนั้น เจิ้งซานไท่นำขบวนแม่บ้านเอาข้าวไปส่งยังจุดหมอบซุ่ม มองดูศพของเถี่ยฮั่น พูดอย่างชั่วร้ายว่า
"ไหนว่าแทงฟันไม่เข้าไงล่ะ? ฮึ จะมาสู้กับข้าได้อย่างไร"
            พวกแม่บ้านร้องไห้กันหลายวันหลายคืน ท้ายที่สุดยังคงเอาศพของญาติไปฝัง ไม่มีใครสังเกตสังกาตัวผู้ใหญ่บ้าน จนเมื่อเสร็จจากเรื่องวุ่นทั้งหลาย ผู้คนจึงนึกขึ้นได้ว่าดูเหมือนจะไม่พบศพของเสี่ยวหูจื่อ ตามหากันจนทั่วก็ไม่พบแม้เงา มีคนมองเห็นที่หลุมศพใหม่ๆ ไกลๆ มีคนคุกเข่าอยู่คนหนึ่งจึงเร่งรีบไปดู
            บนคอของคนผู้นั้นมีเชือกคล้องอยู่เส้นหนึ่ง เขาขาดใจตายไปนานแล้ว ผู้คนดูชัดเจนแล้วจึงเห็นว่า คนผู้นี้คือผู้ใหญ่บ้านเจิ้งซานไท่ พวกเขาฝังเขาลวกๆ ไม่มีใจคิดออกตามหาเสี่ยวหู่จื่ออีก


เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
2007
 
พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ “ในยุทธจักร” เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 791 วันที่ 26 ก.ย.-2 ส.ค. 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น