ม่าว หมาง ฉง
เรือลำนั้นแล่นทวนน้ำ นอกจากคนเรือแล้ว ในเรือมีเพียงดรุณีน้อยอายุราวสิบห้าปีคนหนึ่งกับชายร่างเล็กท่าทางเงียบขรึมคนหนึ่ง
ดวงจันทร์ฤดูชุนเทียนกระจ่าง
ดวงจันทร์เกือบเต็มดวงแล้ว ชายร่างเล็กแหงนมองดูฟ้า
จันทร์กระจ่างฉายอาบธาร
บ้านของข้า
บ้านของข้า
ยามใดกลับคืน
ดรุณีน้อยมองดูนายของตนเอง
นางรู้ว่านายของนางมิใช่คนแถบถิ่นนี้ นางถูกรับมาอยู่กับนายท่านหลายปีแล้ว
หลายปีมานี้นางไม่ต้องซ่อนเร้นพเนจรเหมือนดั่งวิญญาณโดดเดี่ยวอีกแล้ว
นางไม่มีพ่อแม่ ไม่มีญาติมิตร ได้มาอยู่รับใช้นายท่านเช่นนี้
ทำให้นางรู้สึกว่าชีวิตนางมีที่พักพิง
ทว่า
นายของนาง ไฉนจึงราวมีชีวิตเยี่ยงคนไร้ที่พึงพิง
“ฉงเอ๋อร์ ข้างหน้ามีโรงเตี๊ยม เจ้าไปหาสุราอาหารมาจำนวนหนึ่ง
คืนนี้เราพักที่นี่”
ฉงเอ๋อร์ขึ้นฝั่งไปแล้ว
นางรู้ดีว่าแต่ละครั้งที่นายท่านสั่งให้นางติดตามไปในเรือ นายท่านมักจะแวะพักเรือในสถานที่ที่ไม่แน่นอน
และสนทนาอยู่ในเรือกับคนที่นางไม่รู้ว่าเป็นใคร
“นายท่าน สุรา อาหาร ถูกตระเตรียมพร้อมแล้ว” ฉงเอ๋อร์จัดโต๊ะสุราอาหารไว้ที่หัวเรือ
นางรู้ว่าควรขึ้นฝั่งไปพักที่ห้องของนางในโรงเตี๊ยมแล้ว
นางและคนเรือพากันขึ้นฝั่งมุ่งหน้าไปทางโรงเตี๊ยมที่นางจองห้องพักไว้
ดวงจันทร์ใกล้สิบห้าค่ำ
ดวงโตอย่างยิ่ง สว่างอย่างยิ่ง ฉงเอ๋อร์ได้ยินนายของนางกล่าวเบาๆ
ขณะเดินทางจากฝั่งเพียงไม่กี่ก้าว
“ท่านมาแล้ว ข้าคอยท่านอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว”
ฉงเอ๋อร์รู้สึกว่าน้ำเสียงที่พูดคุยกับนายท่านคล้ายว่านางเคยได้ยิน
แต่นางก็นึกไม่ออกว่าเป็นเสียงของผู้ใด นางรู้ว่านางควรไปจากที่นี่โดยเร็ว
นี่คือกฎที่นายท่านกำหนดขึ้น นางรู้ดีว่าทำไมเรือลำนี้จึงเหลือนางอยู่รับใช้นายท่านเพียงคนเดียว
เดินทางร่วมกันกับนายท่านมาหลายปี
นางรู้ว่าการถูกนายทิ้งไปกลางทางไม่ใช่เรื่องดีของชีวิตสาวใช้
ลมยามค่ำพัด
เรือจอดไกลความอึกทึกวุ่นวาย แลดูโดดเดี่ยวในน้ำ
“ท่านก็มาดื่มด้วยกันเถิด” เสียงของผู้อาวุโสน่าเกรงขามยิ่ง
คนคนหนึ่งก้าวออกมา เสื้อคลุมสีเขียวที่เขาสวมคลุมชุดดำรัดกุมที่สวมเอาไว้ภายใน
ไม่อาจทำให้เขาแลดูไม่ใช่คนถือดาบถือกระบี่
“คารวะท่านผู้อาวุโส”
คนเสื้อคลุมเขียวสองมือประคองจอกสุรากระทำคารวะ
“เถ้าแก่ใหม่ของหมู่ตึกมังกรคุณธรรมปฏิบัติต่อท่านดีอยู่หรือ?” ผู้อาวุโสถาม
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส นี่คือสมุดบัญชีปีนี้
เซี่ยจ๋างก่วนกำชับให้ข้ารายงานว่า เราสูญเสียไปจำนวนหนึ่ง”
ผู้อาวุโสรับบัญชีมา
เขามองดูชายร่างเล็ก ยื่นสมุดบัญชีให้เขา “ท่านจะดูเสียหน่อยไหม?”
“ท่านผู้อาวุโสจัดการเถิด ข้าเชื่อในวิธีการของท่าน
ข้าเคยเพลี่ยงพล้ำมาแล้ว”
“เหญินเต๋อ เจ้าเฒ่าพิษคนนี้แม้ตายไป แต่กิจการวิญญูชนจอมปลอมของเขา
ยังคงลวงหลอกผู้คนได้” ผู้อาวุโสพูด
“ลวงหลอกและปล้นชิงด้วยรอยยิ้ม”
ชายร่างเล็กพูด
“เจิ้งชิง ท่านปรับตัวกับสภาวการณ์ปัจจุบันได้แล้วกระมัง?” เสียงของผู้อาวุโสเจือความอ่อนโยน
“ไม่มีเรื่องราว ร่างกายก็เบาสบาย” เจิ้งชิงทอดถอนใจเบาๆ
คราหนึ่ง
“นายท่าน เมื่อไรจึงจะกลับสู่หมู่ตึกมังกรคุณธรรม” คนเสื้อคลุมเขียวเอ่ยขึ้นเบาๆ
“ข้าไม่กลับไปอีกแล้ว” เจิ้งชิงพูด
“ไม่กลับ!?!?”
คนเสื้อคลุมเขียวมองดูเจิ้งชิงและมองดูผู้อาวุโส
“ไม่เพียงไม่กลับ แต่เรายังจะขายหมู่ตึกมังกรคุณธรรมออกไปด้วย” ผู้อาวุโสพูดเบาๆ
“แล้วข้า?” คนเสื้อคลุมเขียวยิ่งมายิ่งรู้สึกประหลาดใจ
“ท่านทำเรื่องบางเรื่องให้เสร็จ จากนั้นก็ออกมาด้วย” ผู้อาวุโสพูด
ข่าวลือเกี่ยวกับหมู่ตึกมังกรคุณธรรมแพร่ออกไปอีกแล้ว
ภายหลังกิจการหมู่ตึกมังกรคุณธรรมเปลี่ยนมืออีกครั้งหนึ่ง มีผู้พบศพเถ้าแก่ของหมู่ตึกมังกรคุณธรรม
บ้างว่าเจิ้งชิงกลับมาล้างแค้น บ้างว่าขบวนการของเหญินเต๋อบีบคั้น บ้างว่าเถ้าแก่พบความลับบางอย่างของหมู่ตึกมังกรคุณธรรม
คิดจะถอนตัวรักษาชีวิต
เรื่องราวความเลวที่เทียนเต๋อกระทำก็ถูกล่ำลือ เรื่องราวของคฤหาสน์หลังนั้น และนางบำเรอคนแล้วคนเล่า
ยิ่งเล่าก็ยิ่งฟังน่าเป็นไปได้ ยิ่งวาดก็ยิ่งดำแล้ว
ในที่สุด
คำล่ำลือก็กลายเป็นเรื่องเล่าของคนทั้งเมือง
การตายด้วยอาการปากอ้าตาค้างของเหญินเต๋อถูกตั้งข้อฉงนสงสัย
ความตายของเถ้าแก่คนต่อมา การร่ำรวยขึ้นมาของเหญินเต๋อ การหายไปของเจิ้งชิง
กลายเป็นเรื่องบันเทิงหลังอาหารไปแล้ว
ในที่สุด
ก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่าทำไมเหญินเต๋อจึงเข้าครอบครองหมู่ตึกมังกรคุณธรรมได้
ทำไมคนแข็งอย่างเจิ้งชิงจึงตกลงขายหมู่ตึกมังกรคุณธรรมให้เหญินเต๋อ
เขายินยอมหรือไม่?
ภาพใบหูเกิดขึ้นที่กำแพงหมู่ตึกมังกรคุณธรรมไม่นาน
หลุมศพของเหญินเต๋อก็มีภาพใบหูเช่นเดียวกัน ประชาชนเล่าเรื่องนี้ออกไปราวไฟลามทุ่ง
ใบหูของคนทั้งเมืองก็พากันรอคอยฟังข่าวคราวที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะคือข่าวคราวใด
คำเล่าลือเกี่ยวกับเหญินเต๋อและความตายของเขา
คุณธรรมความเมตตาของเหญินเต๋อและความเมตตาของเขา
ภาพใบหูที่กำแพงหมู่ตึกมังกรคุณธรรมและภาพใบหูที่สุสานของเขา
เหญินเต๋อมิได้ดีกระไรกระมัง?
ผู้คนล้างหูคอยฟังเรื่องราวและเล่าต่อไป
เรื่องจริง เรื่องเท็จของเหญินเต๋อ ทำให้ภาพของผู้ที่เจรจาพาทีไพเราะน่าฟัง ร่างกายซูบผอม
และบริจาคทานบ่อยๆ ถูกโยงเข้ามาผูกเป็นเงื่อนปมในเรื่องที่ฟังและเล่า
กลายเป็นเรื่องจริงที่เป็นเท็จ กลายเป็นเรื่องเท็จที่เป็นจริง
จันทร์กระจ่างฉายอาบธาร
บ้านของข้า
บ้านของข้า
ยามใดกลับคืน
ฉงเอ๋อร์ได้ยินนายของนางเอื้อนเอ่ยกวีบทนี้อีกแล้ว
เป็นคืนดวงจันทร์เด็มดวงอีกแล้ว เรือลอยช้าๆ อยู่ในแม่น้ำ
ฉงเอ๋อร์ตระเตรียมสุราอาหาร คนเรือดูแลเรืออยู่ท้ายเรือ
“นายท่าน
สุราอาหารตระเตรียมเสร็จแล้ว” ฉงเอ๋อร์เข้าไปรายงานต่อนายของนางในประทุนเรือ
“ฉงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกอ้างว้างหรือไม่” นายของนางถาม
“ไม่มีบ้าน ฉงเอ๋อร์อ้างว้างยิ่ง
แต่เรือลำนี้ได้เป็นบ้านของฉงเอ๋อร์แล้วบัดนี้” ดรุณีน้อยตอบ
“เรือลำนี้...” คนร่างเล็กถอนใจยาวๆ
โมงยามสลายกี่ลมฝน
วสันตฤดูเร่งรีบคืนกลับไปอีกแล้ว
เสียดายวสันต์ยาว
เกรงบุบผาเบ่งบานเร็ว
แดงร่วงยิ่งเหลือคณานับ
วสันต์โปรดหยุดก่อน
โปรดบอกหญ้าหอมที่ขอบฟ้า
ไร้หนทางคืนกลับ
เคืองวสันต์มิเอ่ยคำ
มีเพียงน้ำใจไมตรี
แมงมุมชักไยชายคาบ้าน
วันดั่งปุยนุ่นลอย
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ มือสังหาร สำนักพิมพ์ openbooks ตุลาคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น