ขงจื่อเดินทางไปยังไท่ซาน
ขณะนั้น ที่หมู่บ้าน “เฉิง” สุดปลายเขตแดนของแคว้นหลู่กว๋อ ขงจื่อได้พบ ยร๋ง ฉี่
ฉี ซึ่งแต่งกายโดยนุ่งห่มด้วยอาภรณ์อันตัดเย็บมาจากหนังกวางอย่างหยาบๆ
เข็มขัดของชายชรา ยร๋ง ฉี่ ฉี นั้นเล่าก็ใช้เส้นเชือกผูกเอาไว้แทน
ขงจื่อพบว่าชายชราอายุ 90 ปีผู้นี้แต่งกายด้วยอาภรณ์หยาบๆ และเรียบง่าย
อีกทั้งยังดีดพิณบรรเลงดนตรีขับขานบทเพลงอยู่ด้วยความสำราญ ด้วยความใคร่รู้
ขงจื่อจึงถาม ยร๋ง ฉี่ ฉี ขึ้นว่า
“ท่านผู้เฒ่า
ไยท่านจึงทำตัวเสมือนช่างมีความสุขเหลือล้ำอย่างนี้ ?”
ยร๋ง ฉี่ ฉี เมื่อฟังดั้งนั้น จึงได้ตอบว่า
“สำหรับข้าแล้ว เรื่องราวอันจะทำให้เป็นสุขช่างมีมากมาย
ท่านลองคิดดูสิว่า ในสรรพสิ่งอันพระเจ้าได้สร้างมานั้น
สิ่งที่สูงล้ำค่านั้นคือมนุษย์ใช่ไหม และข้าก็ช่างโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
นี่คือความสุขประการที่ 1 ของข้า
และยิ่งกว่านั้น ในมนุษย์ชายหญิงด้วยกันนั้นเล่า
เพศชายมักถูกให้ความสำคัญและถูกยกย่องเสียยิ่งกว่าหญิง
และข้าก็ช่างโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพศชาย นี่คือความสุขในประการที่ 2 ของข้า
และยิ่งกว่านั้น
แม้จะโชคดีที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว แต่ก็มีมนุษย์อยู่จำนวนหนึ่ง
ที่ได้ตายไปโดยยังมิได้พบเห็นตะวันและเดือน กระทั่งบางคนยังมิได้ผ่านพ้นช่วงวัยอันได้ละแล้วซึ่งผ้าอ้อม
ก็ต้องตายไป ส่วนข้านั้นเล่า กระทั่งบัดนี้ มีชีวิตยืนยาวมาถึง 90 ปีแล้ว
และนี่คือความสุขในประการที่ 3 ของข้า
ความยากจนนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคน
อีกทั้งความตายก็เป็นจุดสุดท้ายแห่งชีวิตมนุษย์ การสามารถมีชีวิตอันปกติอยู่ในเรื่องปกติเช่นนี้ตราบกระทั่งถึงจุดสุดท้ายของชีวิต
จะมีเรื่องอันใดให้ต้องกลัดกลุ้มกังวลด้วยเล่า”
เมื่อขงจื่อได้ฟังดังนั้น
จึงได้กล่าวด้วยความนับถือว่า
“ช่างไม่ใช่เรื่องอันง่ายดายเสียเลย
ที่สามารถพิจารณาชีวิตได้อย่างแจ่มแจ้ง กระทั่งสามารถใช้เป็นเครื่องประโลมชีวิตตนเอง
กระทั่งเรื่องกลัดกลุ้มกังวลใดๆ ในโลก ก็อาจละไว้เสียได้ด้วยความเบิกบาน”
เลี่ยจื่อ
เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
1987
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ มณีปัญญา ปรัชญานิพนธ์จีนโบราณ
กรกฎาคม พ.ศ.2530
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น