บทกวีโบราณวรรคหนึ่งของ หลี่ ซาง อิ่น 李商隐 ในสมัยถาง 唐 กล่าวไว้ว่า
夕阳无限好,只是近黄昏。
ทิวทัศน์ยามเย็นงดงามเหลือคณา,
เพียงน่าเสียดายว่านี่ใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว.
บทกวีวรรคนี้ ทอดถอนใจให้กับแสงแดดสุดท้ายที่อาบตีนฟ้าให้เกิดแสงสีหลากหลายสวยงาม
แต่ทว่าเป็นไปในเวลาแสนสั้น ด้วยว่าค่ำคืนมืดค่ำกำลังคืบคลานเข้ามาแทนที่ในเวลาอันรวดเร็ว
ท้องฟ้ายามเย็นมักทำให้ผู้คนรู้สึกเคว้งคว้าง
มองดูตะวันยามเย็นลับฟ้านานๆ มักทำให้คนรู้สึกเคว้งคว้างในใจ
ปี 1997 ข้าพเจ้าไปเช่าหอพักอยู่อาศัยใกล้ทะเลเป็นเวลา
2-3 ปี ช่วงเวลานั้นข้าพเจ้าอยากหลบออกไปจากเมืองใหญ่ มีความคิดว่าอยากจะใช้ช่วงเวลาหนึ่งพิสูจน์ตัวเองกับสิ่งที่คิดฝันอยู่ในใจ
ห้องเช่าที่เช่าอยู่ราคาไม่แพง สภาพแวดล้อมค่อนข้างเหมาะกับการใช้ชีวิตเงียบๆ
บรรยากาศผ่อนคลาย ค่าครองชีพไม่แพง มีหอสมุดให้อาศัยอ่านหนังสือ และอาศัยรับลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ
นั่นเป็นเงื่อนไขเหมาะสมที่จะทดลองทำในสิ่งฝัน
สองสามปีนั้นข้าพเจ้าหายไปจากแวดวงสังคม
กลายเป็นแปลกหน้าในอีกสถานที่หนึ่ง
ไปอยู่ใหม่ๆ บางคนเข้าใจว่าข้าพเจ้าเป็นครูอาจารย์
เพราะข้าพเจ้าใช้ชีวิตอยู่รอบๆ มหาวิทยาลัย บางวันเข้าไปกินข้าวในโรงอาหาร บางวันไปนั่งแช่อยู่ในหอสมุด
เตร่ไปเตร่มาอยู่เช่นนี้ระยะหนึ่งก็เริ่มคบหาสนิทสนมกับนักศึกษาบางคนที่อยู่ห้องเช่าใกล้กัน
เด็กหนุ่มเด็กสาวที่คบหาสมาคมส่วนใหญ่เรียนศิลปะ
ทำให้มีโอกาสนั่งดูพวกเขาทำงานจิตรกรรม ได้ความรู้เหมือนได้เดินเข้าไปในห้องเรียนศิลปะ
ได้ความสนุกสนานจากการพูดคุยเฮฮา และเฝ้าดูผลงานของพวกเขาค่อยๆ ก่อรูปขึ้นมาจากเฟรมเปล่าๆ
ได้เห็นพลังของคนมีฝัน
หัวค่ำบางคืน
พวกเขาหลายคนเริ่มต้นขึ้นรูปงานขนาดราว 2 เมตร จากผืนผ้าขาวๆ
เส้นและสีค่อยๆ ก่อรูปขึ้นมาจากภาพร่างของแต่ละคน
บางคืนข้าพเจ้าอยู่กับพวกเขาจนดึก มองดูพวกเขาทำงานกันอย่างมีชีวิตชีวา
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ได้เห็นรูปเขียนเสร็จใหม่ๆ ของพวกเขา
บางคนพัฒนาตนเองไปอย่างรวดเร็ว บางคนก้าวไปเรื่อยๆ ช่วงเวลาปีสองปีก็เห็นพัฒนาการในเชิงช่าง
พวกเขามีความจัดเจนในการใช้สี ใช้เส้น และการวาดองค์ประกอบเพิ่มขึ้น แต่ในเชิงภูมิปัญญาและพัฒนาการเชิงความคิด
เห็นไม่ชัดเจนนัก
สรวลเสเฮฮากับนักศึกษาศิลปะกลุ่มนี้ สลับกับการค้นคว้าและลงมือทำตามโครงการที่วางไว้ในใจเงียบๆ
ข้าพเจ้าถ่ายเอกสาร เก็บข้อมูล ตระเตรียมแฟ้ม
และเริ่มต้นลงมือทำต้นฉบับหนังสือที่คาดหวังในใจกับตนเอง เป็นโครงการส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางจิตรกรรมเลย
แฟ้มของข้าพเจ้าหนาขึ้น แต่งานก็ยังอยู่ห่างไกลกับความสำเร็จอีกไกลลิบลิ่ว
ข้าพเจ้าพยายามเตือนตัวเองให้พิสูจน์ความฝันของตน อย่าได้เหลวไหล
บ่อยครั้งที่ภาพมิตรสหายรุ่นเยาว์ของข้าพเจ้าที่สู้กับผืนผ้าใบขนาดมหึมาเตือนสติ ยามข้าพเจ้าเบื่อหน่ายและเหลวไหลกับงานของตน
ภาพที่พวกเขานอนกองหลับอยู่ข้างเฟรมภาพที่เขียนจวนเสร็จ ส่งผ่านพลังมาถึงตัวข้าพเจ้าหลายครั้ง
พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ข้าพเจ้ามองดูพวกเขาเหมือนหนึ่งกำลังเดินอยู่ในอุทยานที่มีทั้งไม้ดอกไม้ผล
ทำให้อิ่มใจอิ่มกาย
ไม่นานต่อมาข้าพเจ้าเลิกเช่าห้องเช่าที่ริมทะเล
เก็บโครงการคิดฝันที่ทำไม่สำเร็จกลับมาอยู่ในเมืองใหญ่อีกครั้ง โดยคาดหวังว่าจะทำแฟ้มที่ค้างให้เสร็จ
หลายปีแล้วที่ข้าพเจ้ากลับมาอยู่ในเมืองใหญ่ แฟ้มความฝันที่ทำไม่สำเร็จยังอยู่ในตู้
บางวันข้าพเจ้านำมันมาพลิกดู
รู้สึกเหมือนกำลังนั่งชมแสงสนธยาอยู่ริมทะเล
รู้สึกว่าร่างกายของตนเล็กลง เล็กลง...
และฟ้าค่อยๆ มืดลง มืดลง...
เรืองรอง รุ่งรัศมี
2004
ตีพิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ "สายลมในกิ่งหลิว" เนชั่นสุดสัปดาห์
ฉบับที่ 625 วันที่24-30 พฤษภาคม 2547
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น