สุภาษิต : สีอะคริลิค บนแคนวาส |
ข้าพเจ้ามักพบเขาละแวกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
หรือบริเวณใกล้ๆ นั้นเสมอ ในช่วงใกล้ๆ วันที่ 14 ตุลาคมของแต่ละปี บางครั้งเขานั่งอยู่ในอาการเหน็ดเหนื่อยอยู่ที่ม้านั่งยาวตรงสนามหลวง
บางครั้งเดินเตร็ดเตร่อยู่บนบาทวิถีด้านท่าพระจันทร์ บางปีข้าพเจ้าพบเขาเดินชมแผงหนังสือในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เขาแลดูทรุดโทรมไปจากเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วมาก
การแต่งกายของเขาบอกให้รู้ว่า เขาอยู่ในสภาพชีวิตที่ฝืดเคืองทางเศรษฐกิจ
ฟันที่หลอไปซี่หรือสองซี่นั้นก็ยังคงหลออยู่เช่นเดิม กี่ปีมาแล้วข้าพเจ้าก็จำไม่ได้
จะว่าข้าพเจ้าไม่ได้จดจำเขาไว้เป็นพิเศษก็เป็นได้
เขาเป็นเพื่อนรุ่นน้องของเพื่อนคนหนึ่งของข้าพเจ้า
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเขาเป็นนักเรียนอาชีวะที่เหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่เป็นนักเรียนอาชีวะทั่วไป
ไม่ค่อยตั้งใจเรียน มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับคนในซอยและเด็กต่างสถาบันบ่อยๆ
เขาชอบเล่นกีตาร์ และจับกลุ่มตั้งวงดื่มกินเอะอะเฮฮา บางครั้งข้าพเจ้าก็นั่งร่วมอยู่ในวงเฮฮาของพวกเขา
ดื่มกินกับพวกเขา ฟังพวกเขาเล่นดนตรีร้องเพลงจากเพลงที่ถูกแปลงเนื้อร้องให้ค่อนข้างลามกหยาบคาย
ถึงเพลงแสวงหาของฮิปปี้ฝรั่ง และเพลงเพื่อชีวิต
กลุ่มของเขา
และเพื่อนของข้าพเจ้า รวมทั้งตัวข้าพเจ้าด้วยไม่ใช่คนตื่นตัวทางการเมือง เราเป็นเพียงวัยรุ่นที่มักทำอะไรขวางๆ
สายตาและความรู้สึกของผู้ใหญ่ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วเราชอบใส่เสื้อชาวเลยับๆ
ที่เราซื้อมาย้อมสีเอง เราชอบไว้ผมยาว สะพายย่าม นุ่งกางเกงยีนส์ และใส่รองเท้ายางรถยนต์ เรียกว่าเราแต่งกายกันอย่างพวก 5 ย. เต็มรูปแบบ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเราชอบทำอย่างนี้ คงเป็นเพราะผู้ใหญ่ไม่ชอบให้เราทำอย่างนี้กระมัง
เราก็เลยตั้งอกตั้งใจกระทำมัน
ข้าพเจ้ารู้จักกับเขาและกลุ่มของเขาเพราะเพื่อน
ข้าพเจ้าและเพื่อนจบมัธยมปลายมาจากโรงเรียนเดียวกัน
เราต่างสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเปิดเพราะสอบคัดเลือกไม่ได้ อันที่จริงแล้วเพื่อนของข้าพเจ้าเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยก่อนหนึ่งปี
แต่อาจเพราะความรู้สึกเคว้งคว้างในมหาวิทยาลัยที่ทำให้เราจับกลุ่มกันตามโรงอาหารเมื่อไม่มีชั่วโมงเรียน
เรากินอาหารร่วมกัน รอรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัยร่วมกัน โบกรถกลับบ้านร่วมกัน ชวนกันไปดูหนัง
ไปเที่ยวเตร่เฮฮาดื่มกิน และในวงเฮฮาดื่มกินในซอยบ้านเพื่อนนี้เองที่ข้าพเจ้ารู้จักเขา
เขาพอเล่นกีตาร์ได้เป็นเพลง
สนิทสนมกับรุ่นพี่ง่าย โดยเฉพาะเขาให้เกียรติรุ่นพี่ที่เรียนมหาวิทยาลัย
อาจเป็นปมด้อยในใจของคนเรียนอาชีวะในสมัยยี่สิบกว่าปีที่แล้วกระมัง ในวงเฮฮาของเราเขาจึงมักเป็นคนวิ่งไปซื้อน้ำแข็ง
โซดา กับแกล้มเสมอ
เราดื่มกันสนุกสนานอย่างนั้นบ่อยๆ
ทั้งๆ ที่แต่ละคนต่างไม่ค่อยมีเงิน
ข้าพเจ้าและเพื่อนหลายคนหารายได้ใช้จ่ายเองโดยการรับจ้างตรวจปรู๊ฟหนังสือพ็อกเกตบุ๊ค
รับจ้างจัดรูปเล่มหนังสือ รับหนังสือไปเร่ขายริมฟุตบาทบ้าง ลานว่างหน้าโรงหนังบ้าง
คนที่ครอบครัวมีสตางค์หน่อยก็ไม่ต้องทำงานหารายได้อย่างพวกเรา แต่เราก็ดื่มกินด้วยกัน
ใช้ชีวิตกันไปอย่างไม่เป็นโล้เป็นพายบ้าง มีสำนึกต่อสังคมและส่วนรวมบ้าง
ดูเหมือนมิตรภาพในกลุ่มเล็กๆ
ของเราจะสามารถข้ามพ้นสถานะทางชนชั้นอย่างที่ไม่มีใครรู้สึกและตั้งใจ
หลัง
14 ตุลาคม 2516 มีการเดินขบวนบ่อยๆ
มีการอภิปรายและแสดงดนตรีที่หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กลุ่มของเราก็เป็นเช่นเดียวกับคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งในยุคนั้น เราชอบไปฟังอภิปรายที่ธรรมศาสตร์
ชอบไปฟังดนตรีที่แปลกหูแปลกตาจากที่เราเคยได้ยินได้ฟังจากวิทยุ
เพื่อนของข้าพเจ้าเล่นดนตรีเก่ง
เขามักเล่นเพลงที่เคยได้ฟังที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ให้เราฟังในวงเหล้าบ่อยๆ
เวลามีการชุมนุมเดินขบวน เราไปร่วมอยู่ในขบวน ส่วนใหญ่เราจะอยู่ในกลุ่มค่อนไปทางข้างท้าย
บางครั้งเพื่อนของข้าพเจ้าและเพื่อนชาวอาชีวะของเราจะสมัครเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย
การลุยการตีกันเป็นสิ่งคุ้นเคยสำหรับพวกเขา
จิตใจกล้าเสียสละหรือสำนึกทางสังคมจะมีในใจของเขาหรือไม่ ข้าพเจ้าไม่รู้
แต่ข้าพเจ้ามักเห็นเขาชอบไปอยู่ในกลุ่มรักษาความปลอดภัย
อาจเป็นเพราะว่าที่หน่วยนี้เขามีมิตรสหายที่คุ้นหน้าตา
อาจเพราะว่านี่เป็นโอกาสที่เขาจะไม่ต้องวางตัวในสถานะเป็นรองใคร
หรืออาจด้วยเหตุผลอื่นใดที่ข้าพเจ้าไม่อาจเข้าใจ แต่เราก็เข้าร่วมในการชุมนุมเดินขบวนเสมอๆ
และโดยมิได้นัดหมาย เรามักจะพบกันในการชุมนุมเดินขบวนเช่นนั้น
ทุกครั้งที่พบกันเขาจะผละจากกลุ่มเพื่อนอาชีวะของเขาเข้ามาทักทายข้าพเจ้าด้วยความสนิทสนมคุ้นเคย
บ่อยครั้งที่เขาขอเงินสิบบาทยี่สิบบาทจากข้าพเจ้า
เราต่างไม่คิดมากกับการขอเงินเพื่อนฝูงใช้ บางทีเราชวนกันไปหาข้าวแกงข้างทางกิน ถ้ารวยหน่อยหลังเลิกจากการชุมนุมเรากลับไปตั้งวงดื่มกินในซอยบ้านของเขา
เราคงไม่ใช่คนที่มีชีวทัศน์และโลกทัศน์แจ่มชัด แม้ว่าเราจะอ่านหนังสือ
“ชีวทัศน์เยาวชน” เล่มเล็กๆ กันคนละหลายๆ เที่ยวก็ตาม
หลัง 6 ตุลาคม 2519 เราต่างไม่ได้พบกัน
ดูเหมือนคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มนี้ไม่มีใครเข้าป่า แต่เราก็ระมัดระวังตัวและหวั่นหวาดต่ออันตราย
ข้าพเจ้าไม่ได้ข่าวว่าเพื่อนของข้าพเจ้าและเพื่อนชาวอาชีวะถูกจับหรือได้รับอันตรายในเหตุการณ์
6 ตุลา หรือไม่ ข่าวคราวของเราแต่ละคนเงียบหายไปพร้อมๆ กันกับเหตุการณ์ 6 ตุลาและการเดินทางเข้าป่าของคนหนุ่มสาว
ข้าพเจ้าและเพื่อนเลิกไปมหาวิทยาลัย
ดูเหมือนเพื่อนชาวอาชีวะของเราก็ไม่ได้กลับไปเรียนหนังสือเช่นกัน
หลังจากหลบซ่อนตัวกันพักใหญ่ เราต่างก็หาช่องทางดำรงชีพในเมืองตามวิถีทางของแต่ละคน
เพื่อนที่เล่นดนตรีเก่งของข้าพเจ้าเคยเข้าไปเป็นนักดนตรีในบาร์อยู่ช่วงหนึ่ง
เขาทนความเย้ายวนของชีวิตกลางคืนไม่ได้จึงใช้ชีวิตค่อนข้างเหลวไหล
กระทั่งบางช่วงจังหวะชีวิตค่อนไปทางเหลวแหลก เพื่อนอีกคนกลายเป็นคนติดเหล้า อีกคนกลายเป็นคนขาดความจริงใจต่อสังคม
ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ชีวิตรอด ทั้งหลอกต้ม โกง กระทั่งหักหลัง
อีกคนทำงานสารพัดอย่าง ตั้งแต่ขายทุเรียน ขับสิบล้อ แต่ด้วยจิตใจที่เปราะบาง
เขาเป็นคนพ่ายแพ้ต่อชีวิต ที่เมาทั้งเหล้าเมาทั้งชีวิต ชีวิตครอบครัวล้มเหลว และตกงานยาวนาน
พูดจาไม่รู้เรื่องจนเพื่อนเอือมระอาที่จะเข้าใกล้ คนที่ประสบผลสำเร็จทางการทำงานก็มีอยู่บ้าง
ส่วนข้าพเจ้าพอดำรงชีพอยู่ได้กับงานที่ไม่ต้องใช้แรงงาน เนื่องจากสุขภาพไม่อำนวย ผิดกับเพื่อนชาวอาชีวะที่ข้าพเจ้าพบริ้วรอยชีวิตของคนกรำงานหนักได้อย่างชัดเจน
เกือบยี่สิบปีที่ไม่ได้พบกันทำให้ข้าพเจ้านึกชื่อของเขาไม่ออก
เขาเดินรี่เข้ามายกมือไหว้ข้าพเจ้าที่แผงหนังสือข้างสนามบอลธรรมศาสตร์ ในงาน 14 ตุลาคมเมื่อสองปีที่แล้ว ร่างกายของเขาทรุดโทรมไปมาก
เขายังขอเงินข้าพเจ้าสิบยี่สิบบาทเมื่อพบหน้าเหมือนยี่สิบปีที่แล้ว
ข้าพเจ้าพบรอยยิ้มฟันหลอและรอยยิ้มที่แววตาของเขาได้อย่างชัดเจน
เขายังคงทำงานไม่เป็นหลักแหล่งแม้ว่าอายุจะมากขึ้น
เขาก็ยังคงเหมือนวัยรุ่นซุกซนที่ค่อนข้างเกเรเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว เขายังคงยิ้มอย่างนั้น
ยังคงยกมือไหว้ทักทายข้าพเจ้าอย่างสนิทสนมและคุ้นเคย
เขาจำชื่อของข้าพเจ้าได้อย่างแม่นยำและขอเงินข้าพเจ้าสิบบาทยี่สิบบาทเหมือนที่เคยทำ
ข้าพเจ้าควักเงินออกจากกระเป๋าส่งให้เขา ตบบ่าเขาเบาๆ และชวนเขาไปกินข้าว
เขากล่าวขอบคุณเบาๆ แต่ว่าไม่ได้ไปกับข้าพเจ้า
เวลาผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว
ข้าพเจ้าไม่กล้าบอกเขาว่าข้าพเจ้ายังจำเขาได้ แต่ว่านึกชื่อเขาไม่ออก
ปีนี้ข้าพเจ้าไม่ได้ผ่านไปละแวกมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วง
14 ตุลา ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าเขาจะมานั่งเหน็ดเหนื่อยอยู่แถวสนามหลวง
หรือเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวท่าพระจันทร์ หรือว่าคอยเดินหาคนที่รู้จักอยู่ในบริเวณมหาวิทยาลัย
เวลาผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว
ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าในยามจัดงานรำลึกเหตุการณ์เดือนตุลา ผู้คนจะมีใจคิดถึงคนที่นึกชื่อไม่ออกอย่างเพื่อนฟันหลอของข้าพเจ้ากันบ้างไหม?
เวลาผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้ว...
เรืองรอง รุ่งรัศมี
พิมพ์ครั้งแรก : นสพ.ผู้จัดการรายวัน 21-22 ตุลาคม 2538
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น