ค้นหาบทความ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บนเส้นทาง เจิ้ง สือ เผย

บนเส้นทาง
เจิ้ง สือ เผย

          หิมะตกโปรยปรายในทุ่งรกร้าง และดูขาวโพลนสุดสายตา แยกไม่ออกว่าตรงไหนเป็นทางตรง ไหนเป็นร่องหลุม มานพหนุ่มวัย 16 นาม ชิงซง เร่งรีบเดินทาง กระบี่ชำระแค้นในมือเต็มไปด้วยลิ่มน้ำแข็ง นั่นคือกระบี่ซึ่งบิดาที่เพิ่งสิ้นใจมอบต่อให้แก่เขา บิดาพูดว่า เจ้าต้องไปฆ่าสตรีนางนั้น จากนั้นอาศัย 'เพลงกระบี่ชำระแค้น' ครองความเป็นเจ้ายุทธจักร
            ฝีก้าวไร้สุ้มเสียง ฝีเท้าไร้ร่องรอย วิทยายุทธ์ของชิงซงสูงล้ำ ท่วงท่าสงบราวเดินทางไปเยี่ยมญาติ แท้จริงแล้ว จิตใจของชิงซงวุ่นวายอย่างยิ่ง เขาคิดจินตนาการถึงสตรีคนที่บิดาวาดบรรยายให้เขาฟังครั้งแล้วครั้งเล่า สตรีที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนนั้น บิดาพูดว่าครั้งก่อนเก่านั้น สตรีนางนั้นหลอกเขาออกไปจากบ้าน โอบล้อมไว้ที่หาดเซียงซือวาน คิดจะสังหารบิดาให้ตาย หวังจะแย่งชิงกระบี่ชำระแค้นที่อยู่ในมือบิดาและตัวชิงซงที่ยังแบเบาะ
            บิดารู้ว่าหลงกลเสียแล้ว ใช้ 'เพลงกระบี่ชำระแค้น' ที่สืบทอดมาแต่บรรพบุรุษตีฝ่าออกไปจากวงล้อม เพียงน่าเสียดายว่า ช้าไปก้าวหนึ่งเสียแล้ว หญิงคนนั้นสั่งให้คนไปสังหารมารดาของชิงซงแย่งชิงเอาตัวชิงซงไป บิดาได้รับบาดเจ็บ อาศัยกระบี่เล่มเดียวบุกเข้าไปในคฤหาสน์ที่มีการคุ้มครองแน่นหนาของสตรีนางนั้น อุ้มเอาตัวชิงซงกลับมาหนีเข้าไปในขุนเขาป่าลึก 16 ปีแล้ว บิดารักษาอาการบาดเจ็บไปพลาง สอนวิทยายุทธ์แก่ชิงซงไปเพลง เพื่อว่าจะมีวันหนึ่งที่ชิงซงจะสามารถออกจากภูเขาไปล้าง แค้นให้กับมารดาที่ตายจากไป

            ไม่มีสิ่งใดสำคัญเสียยิ่งกว่าการแก้แค้น ชิงซงเดินทางทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน จนมาถึงเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งโดยมิได้หยุดพัก พบเห็นผู้ที่ผ่านทางมาก็สอบถามถึงเส้นทางที่ไปยังเมืองฉวีโจว คนผ่านทางถอนใจคำหนึ่งพูดว่า
“ไปที่นั่นทำไม? ได้ข่าวว่าโจรปล้นสวาทเย่ซานหู่ออกจากเขาอีกแล้ว คราวนี้ไม่รู้ว่าใครต้องเคราะห์ร้ายอีก”
            ชิงซงยิ้มเยือกเย็น พูดว่า
“ท่านบอกทางข้าก็พอแล้ว”
            คนผ่านทางชี้มือไปทางทิศตะวันตกอย่างไม่เต็มใจ พูดว่า
“ข้ามเขาลูกนี้ไปก็ถึง”

ชิงซงกุมกระบี่ชำระแค้นไว้มั่น ก้าวเท้ารวดเร็วดังเหินบิน ไม่ทันถึงสองชั่วยาม เมืองฉวีโจวก็ปรากฏต่อเบื้องสายตาของชิงซง ขณะกำลังจะเข้าไปในเมือง ที่เชิงกำแพงเมือง พลันมีคนบ้าคนหนึ่งกระโจนขึ้นมากอดตัวชิงซง ร้องไห้สะอึกสะอื้นพูดว่า
“ลูกเอ๋ย เจ้ากลับมาแล้ว ลูกเอ๋ยเจ้ากลับมาแล้ว”
            ชิงซงเห็นเป็นหญิงชราคนหนึ่ง อดโมโหเดือดดาลขึ้นมาไม่ได้ มือค่อยๆ ยกสูงขึ้น ขณะกระบี่กำลังจะออกจากฝัก ตาเฒ่าคนหนึ่งยับยั้งชิงซงพูดว่า
“หญิงผู้นี้ช่างน่าสงสาร สิบกว่าปีมานี้ ไม่ว่าลมแรงหิมะตก นางก็รอคอยลูกของนางอยู่ที่นี่ คนอายุเพียง 30 กว่าปี แต่แก่เหมือนกับยายเฒ่าคนหนึ่ง นี่เป็นบาปกรรมที่เย่ซานหู่สร้างเอาไว้”
            เย่ซานหู่อีกแล้ว! ชิงซงเกรี้ยวโกรธอยู่ในใจ แต่บนใบหน้ากลับเรียบเฉย ตาเฒ่าเห็นชิงซงไม่แสดงอารมณ์ ก็พูดต่อว่า
“16 ปีก่อน โจรปล้นสวาทเย่ซานหู่ หมายตาสุ่ยเหลียน สะใภ้สกุลเจิ้ง จะชิงตัวไปเป็นภริยา เวลานั้น สุ่ยเหลียนเพิ่งคลอดบุตรชายคนหนึ่ง ถูกคุกคามจนยากจะต้านทาน ได้แต่เชื้อเชิญให้ชาวยุทธ์ยื่นมือมาช่วยเหลือ คิดจะให้โอกาสนี้ขจัดเพทภัยครั้งนี้ออกไป คาดไม่ถึงว่ากลับถูกชิงตัวบุตรชาย เพิ่งฟังมาว่าโจรปล้นสวาทพาเด็กออกจากภูเขามาด้วย พบคนก็ฆ่าสังหารเลย”
            ขณะที่ตาเฒ่ากำลังเล่า มีเงาร่างหนึ่งโผเข้ามา ชิงซงฉากกายหลบ มือที่กุมกระบี่ชักขึ้นมาเบาๆ ประกายเย็นเยือกสายหนึ่งวาบผ่าน คมกระบี่วาดไปทางเงาร่างนั้น คนๆ นั้นล้มคว่ำลงบนพื้นในชั่วพริบตา ครู่หนึ่งโลหิตสดๆ ค่อยๆ อาบไปบนพื้นหิมะ ตาเฒ่าเซ่อซึมไปครึ่งค่อนวัน ร้องด้วยความตระหนกตกใจว่า
เพลงกระบี่หิมะชำระแค้น
            ที่ล้มลงบนพื้นเป็นมือสังหารผู้หนึ่ง ชิงซงไม่รู้ว่าทำไมมือสังหารจึงต้องการฆ่าเขา ได้ยินตาเฒ่าร้องเรียกชื่อเพลงกระบี่ออกมา คิดจะไถ่ถามให้รู้แน่ชัด ตาเฒ่าก็หนีไปไกลราวเหินไปเสียเนิ่นนานแล้ว ขณะที่ชิงซงกำลังจะไล่ตามไป หญิงบ้าคนนั้นกอดขาของเขาไว้แน่น ไม่ยอมคลายมือ ชิงซงเกิดอารมณ์ขึ้นมา หันคมกระบี่ไปทางหญิงบ้าโดยอัตโนมัติ หญิงบ้าล้มลงในทันใด โลหิตอีกผืนหนึ่งไหลแผ่ซ่านไปบนพื้น

            โดยไม่ลังเล ชิงซงเข้าเมืองไปเสาะหาสตรีใจดำอำมหิตนางนั้น หิมะหยุดตก ลมนิ่ง บนฟ้าในตัวเมืองฉวีโจว ควันไฟจากครัวลอยอ้อยอิ่ง ถึงเวลากินข้าวอีกแล้ว ชิงซงคิดอยู่ในใจว่าไม่เคยได้กินข้าวที่แม่ทำให้เลย ใจยิ่งเกลียดชังสตรีนางนั้น ฝีเท้าก็เร่งขึ้นอีกเล็กน้อย จับตัวใครได้ก็ถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า
“คฤหาสน์ตระกูลเจิ้งตั้งอยู่ที่ใจ?
            คนที่ถูกถามล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ท่านถามถึงทำไม? เดี๋ยวนี้ไม่มีคนอยู่อาศัยแล้ว”
พูดจบยังคงชี้ให้ชิงซงดูว่าควรไปทางไหน แล้วเลี้ยวอีกกี่เลี้ยว เดินไกลอีกเพียงไหนจึงจะถึงที่ตั้งเดิมของคฤหาสน์ตระกูลเจิ้ง

            ไปตามทิศทางที่ชี้บอก ในที่สุดชิงซงก็มาถึงหน้าบ้านตระกูลเจิ้ง เป็นเช่นนั้นจริงๆ เป็นลานบ้านที่บิดาบรรยายให้ฟังเสมอๆ ทำตามคำกำชับของบิดา หาบ้านหลังนี้พบ ไม่จำเป็นต้องถามให้มากความ บุกเข้าไปแล้วฆ่าให้เรียบ อย่าให้เหลือ จึงจะเป็นการชำระแค้น เพียงแต่ว่า บัดนี้ในลานบ้านว่างเปล่าไร้ผู้คนแม้แต่คนเดียว จะทำอย่างไรดี? ชิงซงได้แต่ร้องเรียกเพื่อนบ้านหนุ่มเพื่อถามไถ่สืบความ
            เพื่อนบ้านหนุ่มพูดว่า ครอบครัวนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อน ถูกโจรปล้นสวาทชิงเอาตัวลูกชายไป ตั้งแต่นั้นมาเริ่มตกต่ำทรุดโทรม เหลืออยู่เพียงหญิงบ้านางหนึ่ง นางเป็นมารดาของเด็กนั้น ทุกๆ วันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ไปรอคอยรับลูกอยู่ที่ประตูเมือง 16 ปีมาแล้ว ทำเช่นนี้ทุกวัน ที่จริงแล้วเวลานี้นางควรจะกลับมาแล้ว
            ชิงซงฟังเพื่อนบ้านพูดจบ ใจอดรู้สึกกระตุกไม่ได้ ดวงตาเหมือนจะมีอาการล้า ถามว่า
“นางมีชื่อว่ากระไร?
            คนหนุ่มพูดว่า
นางชื่อสุ่ยเหลียน เมื่อ 16 ปีก่อนถูกเย่ซานหู่ชิงเอาตัวลูกชายไป ก็เลยเป็นบ้าตั้งแต่วันนั้น
            ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ไปได้? ชิงซงค่อยๆ ทรุดนั่งลงบนพื้นหิมะ พูดพึมพำออกมาว่า
“ข้าจะคอยนางกลับบ้าน”

            จากยามพลบคล้อยไปจนดึก ชิงซงมิได้ขยับเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย รุ่งเช้าเพื่อนบ้านมองเห็นชิงซงใบหน้าหมองคล้ำ มีเกล็ดหิมะจับ หัวร่อฮาฮา สลัดรองเท้าทิ้งไป มุ่งออกจากเมืองไปทางทิศตะวันออก
            หลังจากนั้นไม่กี่วัน มีเสียงเล่าว่ากระบี่หิมะชำระแค้นคืนสู่ยุทธจักร ที่แปลกประหลาดก็คือ เหล่าอิสตรีล้วนอยู่รอดปลอดภัย มีแต่พวกโจรขโมยที่ล้มตาย แน่นอนว่าข่าวลือไม่แน่ว่าจะเชื่อถือได้ แต่ทว่า เมืองฉวีโจวอยู่อย่างสงบสุขมาหลายสิบปี กลับเป็นเรื่องจริง

 เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
2007
 
พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ “ในยุทธจักร” เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 793 วันที่ 10-16 ส.ค. 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น