กระจกเงาของผู้ชาย
จะต้องมีกระจกเงาบานหนึ่งที่รอคอยข้าอย่างเปล่าประโยชน์
กระจกเงาที่รอคอยข้า ช่างว่างเปล่า
รอบข้างของมัน
ไม่มีเครื่องเรือน ไม่มีโคมไฟ
และหนังสือ
ไม่มีกิ่งใบที่แผ่ออกอย่างยุ่งเหยิงราวผมยาวของผู้หญิง
และผลแอปเปิ้ลที่ไม่เคยถูกคนลิ้มชิม
ภายในกระจกเงายิ่งไม่มีใบหน้าของข้า
ความทุกข์ตรมในดวงตาและรอยย่นเต็มหน้าผาก
มิได้เปล่งร้อง
มันจะแตกร้าวจากการเปล่งร้อง
มิได้ครวญคราง
มันจะเปลี่ยนรูปในการครวญคราง
บิดเบี้ยว
ทำให้ใบหน้าของโลกกลายเป็นชวนขัน
กระจกเงานี้ เพียงแต่กลืนกินฝุ่นธุลีอยู่ทุกวันคืน
จากบทกวี : หนาน เหญิน เตอ จิ้ง
จื่อ
โดย : จื่อ เหวิน
บทกวีทำหน้าที่อะไร?
บางทีคำถามนี่ไม่น่าจะถามนี้ก็ทำให้เราชะงัก
บทกวีบอกเล่าอะไรบางอย่างนั้นเป็นของแน่
แต่อะไรบางอย่างนี้บางทีก็ทำให้พร่ามัว งุนงง
บทกวี
คือ การแสดงความในใจส่วนตัว ความในใจส่วนตัวนี้น่าจะเป็นทั้งความรู้สึก
และความคิด แต่ความในใจส่วนตัวนี้น่าจะเป็นทั้งความรู้สึก และความคิด
แต่ความในใจส่วนตัวเมื่อเป็น 'ส่วนตัว' ทำไมจึงต้องเขียนเพื่อให้ผู้อื่นได้อ่านด้วย
เพื่อแสดงถึงลักษณะร่วม
และลักษณะเฉพาะ ของมนุษย์เพื่อการทำความเข้าใจ มนุษย์ ชีวิต โลก ร่วมกัน
นี่น่าจะเป็นเป้าหมายหรืออุดมคติที่สำคัญกว่าการแสดงความเก่งกล้าสามารถของตัวผู้เขียน
การไปถึงสัจจะสูงสุด
น่าจะคือจุดมุ่งหมายของบทกวี เช่นเดียวกับศิลปะวิทยาแขนงอื่นๆ ทั้ง คีตศิลป์
วิจิตรศิลป์ นาฏศิลป์
การเขียนเพื่อแสดงความเก่ง
ความยิ่งใหญ่ บางทีก็เป็นเพียงเป้าหมายตื้นเขิน และการหลงตัวเอง
แต่หากไม่มีความเก่ง
ความสามารถเลยก็ยากที่จะบรรลุถึงซึ่งสัจจะสูงสุดตามที่ตั้งใจไว้
เว้นแต่ว่ากำลังลวงทั้งตนและผู้อื่นว่าตนนั้นอยู่เหนือระดับมนุษย์สามัญ
แน่นอนว่า
อัจฉริยะ หรือผู้อยู่เหนือระดับมนุษย์สามัญนั้นมี แต่คนเช่นนั้นก็ยังต้องค้นคิด
ศึกษา เรียนรู้ ไม่มียกเว้น
สิ่งที่แยกบทกวีที่มีคุณค่า
ออกจากบทกวีพื้นๆ ทั่วไป แง่มุมหนึ่งคือ
บทกวีที่มีคุณค่าทำให้ความในใจเฉพาะนั้นกลายเป็นข้อร่วมของบุคคลทั่วไปได้
จากนั้นยกระดับอารมณ์ และภูมิปัญญาให้สูง
ที่เขายกย่องให้จัดหนังสือบทกวีไว้ในชั้นเดียวกับปรัชญาก็อยู่ที่ตรงเงื่อนไขนี้
คำไพเราะ
จินตภาพสวยๆ ภาษาที่ลื่นไหล ความสามารถในเชิงช่าง เป็นแต่เพียงความเก่ง
ความสามารถยังมีอีกชั้นหนึ่งที่ต้องมุ่งไปสู่นั้นคือภูมิปัญญาที่นำมาสื่อสารเพื่อให้ชีวิต
และโลกดีขึ้น
บทกวี 'กระจกเงาของผู้ชาย' เป็นแต่เพียงบทกวีแสดงความในใจของปัจเจกบุคคล
หรือว่าเป็นบทกวีที่ควรให้คะแนนมากกว่านั้น ท่านส่องเห็นสิ่งใดในกระจกเงานั้น
และกระจกเงานั้นสะท้อนเงากลับไปกลับมาอย่างไร
บทกวีสามารถเป็นได้ทั้งสิ่งที่เป็นเฉพาะกาล
และนิรันดร์กาล
ชั่วขณะหนึ่งข้าพเจ้าเห็นภาพผู้ชายคนหนึ่งในฐานะมนุษย์คนหนึ่งมองดูกระจกบานเดียวกับที่ฮุ่ยเหนิง
สังฆปรินายก องค์ที่ 6 ของนิกาย ฌาณ (ธยานะ) เคยมอง
พวกเขากำลังเจรจากันถึงชีวิต
สนทนาจากโลกียะ สู่โลกุตระ
เรืองรอง รุ่งรัศมี
พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ สายลมในกิ่งหลิว
เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 629
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น