ยอดฝีมือ
สวี เส้อ เหวิน
พูดถึงยุคสมัยที่ยอดฝีมือในยุทธจักรต่างช่วงชิงความเป็นใหญ่นั้น
เด็กหนุ่มหาว (ห้าวหาญ) ใช้กระบวนท่า 24 กระบวนกระบี่เหินฟ้า
สร้างชื่อขึ้นในชั่วพริบตาที่ปรากฏตัวครั้งแรก เขามีลักษณะองอาจผึ่งผาย
ทั่วทั้งแผ่นดินแทบจะหาคู่ต่อกรไม่ได้
ปีนั้น ยุทธจักรตั้งเวทีประลองเพื่อคัดเลือกผู้นำยุทธจักร
วีรบุรุษผู้กล้าทั่วหล้าต่างพากันมาชุมนุมที่นี่ ภายใต้กระบี่ของหาวไม่มีผู้ใดสู้ได้เกิน
10 เพลง วีรบุรุษอาวุโสและผู้กล้าเลื่องชื่อมากมายยิ่งลับหายสิ้น ยามหาวนั่งครองบัลลังก์ประมุขบู๊ลิ้มนั้น
เด็กหนุ่มเจี๋ย (เลิศล้ำ) กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลอง
ในเวลาที่เหล่าวีรบุรุษผู้กล้าทั้งหนุ่มและแก่ต่างพากันปาดเหงื่อแทนเจี๋ยนั้นเอง
กระบี่ของหาวก็ลอยไปบนฟ้าจริงๆ
หาวประสานมือคารวะ
ประกาศว่า ประมุขยุทธจักรจะเป็นผู้อื่นใดมิได้นอกเสียจากตัวเจี๋ย แต่เจี๋ยกลับเดินจากไป
จากไปอย่างที่ทำให้ผู้คนอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง จากไปอย่างลึกลับอย่างยิ่ง
หาวจากไปแล้ว
ตอนที่จะจากไป หาวทิ้งคำพูดไว้คำหนึ่งว่า
“อีก 3 ปี ค่อยกลับมาพิสูจน์ผลแพ้ชนะกันใหม่”
ผ่านไปอีก 3 ปี
ถึงเวลาประลองฝีมือคัดเลือกประมุขยุทธจักรอีกครั้ง หาวออกเทียบเชิญต่อเจี๋ย
หาวรู้สึกว่าตนมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าสามารถพิชิตเจี๋ยได้
เป็นชั่วขณะเวลาที่ตั้งใจรอคอยให้มาถึง แต่ทว่า เจี๋ยมิได้มา โดยประเพณีหาวย่อมขึ้นครองบัลลังก์ประมุข
เป็นวีรบุรุษผู้กล้าที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน แต่ทว่า หาวรู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย
หาวคิดหาโอกาสประลองกับเจี๋ยอีกครั้งมาโดยตลอด
เขาต้องสามารถเอาชนะเจี๋ยได้แน่ แต่ทว่า ทุกครั้งโอกาสก็ผ่านไปโดยสูญเปล่า
ราวกับว่าไม่มีวาสนาจะได้พบกันอีกตลอดกาล
เจี๋ยไม่ประลองกับหาว
ย่อมไม่มีผู้ใดกล้ามาประลองกับเขา เพราะว่าเขาเคยพิชิตวีรบุรุษที่ 1
แห่งแผ่นดินมาก่อน และวีรบุรุษผู้กล้าที่ 1 แห่งแผ่นดินก็ไม่เคยสู้ชนะตัวเขา
ทุกครั้งที่ผู้คนร่วมยุทธจักรจะปะทะกันด้วยกำลังอาวุธ ขอเพียงหาวเอ่ยออกมาคำหนึ่งว่า
หากใครแน่จริงให้ก้าวออกมา พอเอ่ยเช่นนี้เรื่องทั้งหลายก็มีการยอมกัน
เวทีประลองคัดเลือกประมุขยุทธจักรครั้งแล้วครั้งเล่า
หาวรู้สึกถึงความอ่อนล้า สิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดก็คือการประฝีมือกับเจี๋ย
เขาจะต้องพิชิตผู้คนทั้งหมดจนสิ้น ไม่อาจละหรือข้ามคนใดคนหนึ่ง แต่เจี๋ยไม่สามารถมาตามกำหนดครั้งแล้วครั้งเล่า
เหตุผลนั้นย่อมหนักแน่นน่าเชื่อถืออย่างไร้จุดอ่อน ผู้คนต่างนับถือหาว และยิ่งนับถือเลื่อมใสในตัวเจี๋ย
ภาพลักษณ์ของเจี๋ยยิ่งสูงส่งงามพร้อมยิ่งขึ้นในใจ
ในที่สุด หาวก็ใกล้ถึงวาระความตาย
เขาบอกกล่าวต่อศิษย์ว่า
“ชีวิตนี้ สิ่งที่เสียดายที่สุดคือ
การมิได้ประฝีมือกับเจี๋ยเป็นครั้งที่สอง ประวัติศาสตร์การพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียวทำให้เขาเจ็บปวดนานชั่วชีวิต”
เจี๋ยก็ใกล้สู่วาระความตายเช่นกัน
เขาบอกต่อศิษย์ว่า
“สิ่งปลอบประโลมใจยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้คือ
มิได้ประฝีมือกับหาวเป็นครั้งที่สอง การพิชิตวีรบุรุษผู้กล้าที่ 1
แห่งแผ่นดินเพียงครั้งเดียว ทำให้เขาเปล่งรัศมีไปชั่วชีวิต”
เจี๋ยคือวีรบุรุษผู้กล้า
เขาเคยสู้ชนะหาว ประวัติศาสตร์ของยุทธจักรบันทึกเอาไว้เช่นนี้
เรืองรอง รุ่งรัศมี
แปล
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกในหนังสือ มือสังหาร สำนักพิมพ์ openbooks
ตุลาคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น