ค้นหาบทความ

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บัณฑิตจอมยุทธ์ เมี่ยว อี้ เผิง

บัณฑิตจอมยุทธ์
เมี่ยว อี้ เผิง

            จากครั้งอดีตตราบปัจจุบัน มีจอมยุทธ์อยู่ 2 ประเภท ประเภทหนึ่งคือจอมยุทธ์ฝ่ายบู๊ ประเภทที่สองคือ จอมยุทธ์ฝ่ายบุ๋น
            จอมยุทธ์ฝ่ายบู๊ กระทำการเพื่อคุณธรรม ขจัดคนพาล อภิบาลคนดี ต้องอาศัยความฮึกเหิมห้าวหาญ จอมยุทธ์ฝ่ายบุ๋น นั่นล่ะหรือ ซ่อนเข็มแหลมไว้ในผ้าลายปักดิ้นเงินดิ้นทอง ต่อสู้ด้วยปัญญาและความกล้าหาญ รุกและถอยไประหว่างริมฝีปากและลิ้น กำหนดตัดสินแพ้ชนะด้วยปลายพู่กัน ต้องอาศัยความฮึกเหิมห้าวหาญด้วยเช่นกัน
            ปลายราชวงศ์ชิง ต้นราชวงศ์หมิง เมืองไท่หนานเจิ้นทางตะวันออกของมณฑลหูเป่ย มีบัณฑิตจอมยุทธ์คนหนึ่ง มีชื่อว่า หวางอู่อวี้

            หวางอู่อวี้ เป็นซิ่วไฉสอบตกคนหนึ่ง ซิ่วไฉสอบตกมิได้หมายความว่าหวางอู่อวี้ไร้ความสามารถ ในการสอบครั้งหนึ่งที่เมืองหลวง ท่านปฐมาจารย์ถือกระดาษข้อสอบของหวางอู่อวี้กล่าวต่อกษัตริย์ว่า
“ถ้าจะพูดถึงความสามารถในการเรียน บทความนี้ถือเป็นงานเขียนชิ้นเยี่ยมของแผ่นดิน เพียงแต่นามของผู้สอบคนนี้ล่วงละเมิดต่อพระองค์ท่าน”
กษัตริย์กล่าวว่า
“จุดมุ่งหมายของการสอบในเมืองหลวง ก็คือการเสาะแสวงหาคนดีมีวิชามาไว้ ชื่อไม่ดี สามารถเปลี่ยนใหม่ได้”
พูดจบก็รีบเอากระดาษข้อสอบที่ท่านปฐมาจารย์ยื่นมา พอมองดูก็กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาทันที บนกระดาษข้อสอบเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า
"หวาง หวาง หวาง” ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันที พูดว่า
"อาจหาญ โลกนี้มีข้าเป็นกษัตริย์แต่เพียงผู้เดียว จะมี 3 กษัตริย์ได้อย่างไร"
พูดจบมีบัญชาให้หวางอู่อวี้เข้าวัง
           
เมื่อหวางอู่อวี้เข้าวัง หลังจากได้รับกระดาษข้อสอบมาถือไว้ในมือ ก็ใช้ปลายเล็บที่เตรียมเคลือบหมึกไว้แล้วเติมขีดแนวตั้งทางด้านขวามือของตัวอักษรตัวที่ 2 และเติมจุดจุดหนึ่งที่ตัวอักษรตัวที่ 3 จากนั้นพูดว่า
"ใต้เท้าน่าจะตาลายแน่ๆ ข้าไหนเลยจะกล้าเขียนตัวอักษร 'หวาง หวาง หวาง'* 3 คำนี้”
พูดจบก็ส่งกระดาษข้อสอบแก่กษัตริย์ กษัตริย์รับกระดาษข้อสอบมาดู พบว่า 'หวาง หวาง หวาง' กลายเป็น 'หวางอู่อวี้' ไปแล้ว ทำหน้าหัวร่อมิออก ร่ำไห้มิได้
"เห็นแก่ความฉลาดเฉลียวของเจ้า ที่สามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ ข้าจะละเว้นไว้ชีวิตเจ้า แต่จะลดขั้นเจ้าให้เป็นเพียงประชาชนชั้นต่ำตลอดไป ห้ามเจ้าเข้าสอบอีกตลอดชีวิต"

            หลังจากที่หวางอู่อวี้กลับบ้าน ก็ได้เปิดโรงเรียนขึ้นแห่งหนึ่งที่เมืองหนานไท่เจิ้น ดำรงตนเป็นคนสอนหนังสือ รับสอนเฉพาะลูกหลานของคนยากจน หวางอู่อวี้สอนหนังสือเช่นนี้มาเป็นเวลา 30 ปี นักเรียนของหวางอู่อวี้บางคนรับราชการอยู่กับราชสำนัก บางคนเป็นนักรบอยู่ในกองทัพ มีคนหัวเราะเยาะหวางอู่อวี้ว่า
"ศิษย์ก้าวหน้า อาจารย์ไม่ก้าวหน้า" หวางอู่อวี้ก็หัวเราะพูดว่า
"คนสามารถจะกระทำได้ และชะตาชีวิตไม่สามารถกระทำได้"
           
ปลายพู่กันของหวางอู่อวี้เฉียบคม มักมีคนมาขอให้เข้าช่วยเขียนคำร้องเรียนแทนเสมอๆ แต่หวางอู่อวี้มีกฎเกณฑ์ข้อหนึ่ง คือ เขียนให้แต่เฉพาะคนจน ไม่เขียนให้คนร่ำรวย เขียนให้แต่เฉพาะประชาชนคนชั้นล่าง ไม่เขียนให้ขุนนางข้าราชการ
            30 ปีมานี้ หวางอู่อวี้ไม่รู้ว่าได้เขียนคำร้องเรียกหาความเป็นธรรมให้แก่คนยากจนไปแล้วมากน้อยเท่าไร ช่วยระบายโทสะแทนคนจนไม่รู้เป็นจำนวนเท่าไร ไม่รู้ว่าได้ช่วยพูดแทนประชาชนคนชั้นล่างเป็นจำนวนเท่าไร ช่วยให้พวกเขาได้ลุกขึ้นมาร้องทวงความเป็นธรรมคืน พวกคหบดีในท้องถิ่นแถบนั้นเสียเหลี่ยมให้แก่หวางอู่อวี้โดยมิอาจกล่าวกระไรได้มาแล้วไม่น้อย พวกเขาทั้งกลัว ทั้งแค้นหวางอู่อวี้ คิดสร้างเรื่องมาจัดการหวางอู่อวี้ให้ได้ แต่หวางอู่อวี้กระทำสิ่งใด ล้วนรัดกุม ไร้ช่องโหว่ คหบดีบ้านนอกพวกนี้ทำอะไรหวางอู่อวี้ไม่ได้เลย

            เทศกาลตวนหยาง ตรงกับวันเกิดของหวางอู่อวี้ คหบดีเมืองหนานไท่เจิ้นนัดพบกัน ปรึกษาวางแผนว่าจะหาทางกลั่นแกล้งหวางอู่อวี้ในวันเกิดของเขาให้ได้ คหบดีคนหนึ่งพูดว่า
หวางอู่อวี้ถือได้ว่าเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่ง เป็นคนรักหน้าตัวเองเป็นอย่างยิ่ง แต่คนสอนหนังสือคนนี้ก็เป็นคนจนอย่างยิ่ง ไม่สามารถหาข้าวสารมากรอกหม้อได้บ่อยๆ พวกเราอาศัยการไปอวยพรวันเกิดให้เขาเป็นข้ออ้าง ทำให้เขาต้องสูญเสียทรัพย์สินเงินทองดีไหม”
บรรดาคหบดีต่างพูดกันว่า ความคิดนี้ดีมาก
            ถึงวันเทศกาลตวนหยาง คหบดีแต่ละคน ต่างแต่งกายภูมิฐาน สวมหมวก สวมเสื้อนอก เสื้อคลุมอย่างเป็นทางการ มือถือไม้เท้า มาที่บ้านของหวางอู่อวี้ หวางอู่อวี้รับรู้เรื่องนี้มาก่อน จึงพูดว่า
            “ท่านคหบดีทั้งหลาย มาอวยพรวันเกิดให้ข้า ข้าไหนเลยจะน้อมรับไหว วันนี้แม้จะต้องขายที่ขายนา ข้าก็จะเลี้ยงอาหารอย่างดีแก่พวกท่านสักมื้อ เฟิงฉิงโหลว คือสถานที่เหมาะสมที่สุดของหนานไท่เจิ้น ไม่ทราบว่าทุกท่านพอใจหรือไม่”
            พอหวางอู่อวี้พูดออกมา เหล่าคหบดีต่างตกใจจนยืนเซ่อไป เฟิงฉิงโหลวไม่เพียงมีสุราดี อาหารดี กับแกล้มดี ยังมีสาวงามเป็นเพื่อนร่วมดื่ม แม้แต่คหบดีเช่นพวกเขา ยามจะเลี้ยงแขกก็ยังไม่กล้าเดินดุ่มเข้าไปในเฟิงฉิงโหลวเลย

            เมื่อไปถึงเฟิงฉิงโหลว นักเรียนของหวางอู่อวี้ คนต้อนรับของสุราคาร ต่างก็ยืนต้อนรับลูกค้าอยู่ที่ประตู พวกเขานำเอาเสื้อคลุม เสื้อนอก และหมวกที่เหล่าคหบดีถอดออกมาไปแขวนเอาไว้ที่กระดานผนังร้าน
            คหบดีเหล่านี้พอขึ้นไปบนสุราคาร ก็ถูกสาวงามคนแล้วคนเล่ากรูเกรียวกันพาไปฟังการขับขานเพลงงิ้ว เสพสุราอาหาร หรือพาไปยังห้องพิเศษส่วนตัว สนุกกันจากยามเที่ยงของวันแรกกระทั่งถึงเช้าตรู่วันที่สอง จึงเดินลงมาจากสุราคารอย่างโรยแรง ขณะที่พวกเขาร้องบอกให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเอาเสื้อนอก หมวก เสื้อคลุม และไม้เท้าที่ฝากไว้ตั้งแต่เมื่อวานมานั้น หวางอู่อวี้ก็เดินออกมาจากข้างใน พูดว่า
“ท่านคหบดีทุกท่าน สนุกกันได้เต็มที่หรือไม่”
            คหบดีพูดว่า “สนุกเต็มที่ สนุกเต็มที่”
            หวางอู่อวี้พูดว่า “สนุกเต็มที่ก็ดีแล้ว”
            คหบดีพูดว่า “รีบเอาของที่ฝากไว้เมื่อวานออกมา พวกเราจะไปแล้ว”
            หวางอู่อวี้พูดว่า
พูดกับทุกท่านตามความเป็นจริง ข้าหวางอู่อวี้ ยากจนข้นแค้น ไหนเลยจะมีเงินทองเลี้ยงพวกท่านให้สนุกสุดเหวี่ยงที่เฟิงฉิงโหลวได้ เสื้อนอก หมวก เสื้อคลุม ไม้เท้าของพวกท่าน ข้าได้เอาไปจำนำที่โรงรับจำนำหมดสิ้น นำมาจ่ายเป็นค่าอาหารเมื่อวานนี้ ถ้าหากพวกท่านต้องการของๆ ท่านให้ได้ ก็ต้องไปไถ่คืนจากโรงจำนำ ตั๋วจำนำทั้งหมดได้ติดไว้บนกระดานที่ผนังร้านแล้ว”

            คหบดีทั้งหลายรู้ว่าหวางอู่อวี้ พูดได้ ย่อมทำได้ บ่นพึมพำกันกลับเข้าไปในร้านพบว่าตั๋วจำนำติดอยู่ข้างบนจริงดังว่า คหบดีแต่ละท่านไม่เหลือกิริยาอาการสุภาพเป็นผู้ดีเช่นปกติ ต่างพากันไปดึงเอาตั๋วจำนำของตัวเอง แต่ตั๋วก็ติดไว้แน่นเสียเหลือเกิน แกะอย่างไรก็แกะไม่ออก อีกทั้งพวกเขาเกรงจะแกะตั๋วขาด จึงได้แต่แบกเอากระดานแผ่นนั้นวิ่งไปทางโรงจำนำด้วยอาการเอะอะโวยวาย
            หวางอู่อวี้ยืนอยู่ที่หน้าประตู ประสานมือร่ำลา ร้องเสียงดังว่า
ล่วงเกินแล้ว ล่วงเกินแล้ว
            ผู้คนบนถนน เห็นคหบดีเหล่านั้นแบกแผ่นกระดาน ตุปัดตุเป๋วิ่งไปข้างหน้า ต่างก็หัวร่อจนน้ำตาไหล

 เรืองรอง รุ่งรัศมี
แปล

*หมายเหตุ* หวาง : แปลว่ากษัตริย์หรือพระราชา เป็นแซ่สกุลหนึ่ง ชื่อของหวางอู่อี้ โดยรูปอักษร เขียนคล้ายตัวหวางที่แปลว่ากษัตริย์ทั้ง 3 ตัวอักษร เติมขีดตั้งสั้นๆ ด้านขวาคืออู่ เติมหนึ่งแต้มเล็กๆ ที่มุมขวาคืออวี้


พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ สายลมในกิ่งหลิว เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับทึ่ 767

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น