ค้นหาบทความ

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

กระบี่เก้ามังกรกระทบใจ เจิ้ง สือ เผย

กระบี่เก้ามังกรกระทบใจ
เจิ้ง สือ เผย

กระบี่เล่มนั้นคือกระบี่ที่หลอมตีจากหลงเฉวียน ยามนิ่งสงบดั่งน้ำแข็ง ยามเคลื่อนไหวเป็นดั่งมังกร
กระบี่นี้เมื่ออยู่ในมือของผู้ชำนาญในคัมภีร์กระบี่ หากมิได้ออกจากฝักก็แล้วไป คราใดที่ออกจากฝัก ตัวกระบี่พลิ้วไหวราวมังกรน้อย 9 ตัว แหวกว่ายท้องฟ้า คมกระบี่หันไปทางผู้ใด ใจของผู้นั้นก็ปั่นป่วน ดุจดั่งมังกร 9 ตัว โถมทะยานฉีกกระชากอยู่ในอก ชั่วพริบตาเดียว ตับไตไส้พุงระเบิดแหลกเหลว กระอักโลหิตถึงตาย
ผู้คนในยุทธจักร ล้วนแต่คิดอยากได้กระบี่เล่มนี้ คิดจะอาศัยมันเพื่อครองความเป็นใหญ่ในยุทธจักร

บัดนี้ กระบี่เล่มนี้ตกอยู่ในมือของดรุณีนางหนึ่ง รวมกับคัมภีร์กระบี่เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้สตรีนางนี้ ชื่อเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นในยุทธจักร เพียงแต่ว่า ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมาจากที่ใด จะไปสู่หนใด ยิ่งไม่มีผู้ใดรู้ถึงชื่อเสียงเรียงนามของนาง รู้เพียงแต่ว่านางอาศัยอยู่ในกระท่อมหญ้าคาหลังหนึ่ง ที่เชิงเขาเก้ามังกร เมืองฉวีโจว ได้ยินเสียงไก่ขันก็ลุกขึ้นรับน้ำค้างเช้าร่วมกับกระบี่ จนอาบแสงแดดยามเช้า
ยอดฝีมือในยุทธจักรที่ปรารถนาในกระบี่นี้ พากันมาชุมนุมกันที่เขาเก้ามังกร ที่ใช้วิธีนุ่มนวลนั้น ใช้ถ้อยวาจาไพเราะทั้งสิ้น ที่ใช้วิธีรุนแรง ใช้วิชาอาวุธทั้ง 18 ประเภท สำแดงวิชาฝีมือประจำตระกูลจนสิ้น ท้ายที่สุด ก็ไม่มีผู้ใดสามารถครอบครองไว้ในมือได้
อย่างลับๆ มีคนแอบเรียกดรุณีนางนี้ว่า “แม่นางเก้ามังกร” เป็นน้ำเสียงเจือไว้ด้วยทั้งความดูแคลนและความเอ็นดู ดรุณีน้อยนี้ ไม่รู้เลยว่าผู้อื่นเรียกขานนางว่า แม่นางเก้ามังกร กระทั่งพลบค่ำวันหนึ่ง มีคนบุคลิกเหมือนทายาทครอบครัวที่เรียนหนังสือ มาเยือนกระท่อมหญ้าคา ดรุณีนางนี้จึงได้รู้ว่า ผู้อื่นได้ตั้งชื่อเช่นนี้ให้กับตัวนาง

ยามพลบวันนั้น แสงสุดท้ายของดวงตะวันสาดทออยู่ ที่ชายคาประตูกระท่อมหญ้าคา เป็นดั่งม่านแพรบางเบาห่มคลุมแม่นางเก้ามังกรไว้ นางมองดูแม่น้ำเหว่ยเหอที่ไหลหลากไปทางตะวันออกอย่างไม่ขาดสาย กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ในใจ นักศึกษาหนุ่มร้องเรียกเบาๆ
“สวัสดี แม่นางเก้ามังกร”
เสียงนั้นเบามาก แต่กลับเพียงพอให้แม่นางเก้ามังกรฟังได้ชัดเจน แม่นางเก้ามังกรไม่ได้ใส่ใจตัวเขา ยังคงจมอยู่ในความคิดของตนเอง นักศึกษาหนุ่มเห็นนางมีท่าทีอย่างนี้ เม้มปากยิ้มแล้วยื่นมือไปตบยังบ่าของนาง คาดไม่ถึง แม่นางเก้ามังกรยื่นมือออกรับ แล้วยืดเท้ากวาดออกไปโดยพลัน นักศึกษาหนุ่มก็ล้มหงายนอนลงกับพื้น เหมือนดั่งนกนางแอ่นตัวหนึ่ง แม่นางเก้ามังกรเหินทะยานกายขึ้น เท้าข้างหนึ่งลงมาหยุดอยู่บนหน้าอกของนักศึกษาหนุ่ม พูดว่า
“เจ้าหนู เจ้าต้องการกระบี่นี้ไปทำไม?
นักศึกษาหนุ่มตกใจจนใบหน้าเขียวคล้ำ พูดอย่างเงอะงะว่า
“ข้า... ข้าไม่ได้ต้องการกระ... กระบี่ ข้าตั้งใจมาพบท่าน”

เป็นอันธพาลเกเรอีกคนหนึ่ง แม่นางเก้ามังกรยิ้มเหยียดในใจ แต่บนใบหน้ากลับไม่เผยสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่คลายแรงที่ฝ่าเท้า
นักศึกษาหนุ่มพูดต่อไปว่า เมื่ออยู่ที่บ้านเดิมนั้น ได้ยินผู้คนพูดถึงตัวแม่นางเก้ามังกร รู้สึกว่าคล้ายกับน้องสาวร่วมสายเลือดของเขามาก จึงรวบรวมเงินจนพอแก่การเดินทางมาเสาะหา
“เจ้าเหมือนกับน้องสาวของข้าจริงๆ เป็นน้องสาวที่ข้าตามหามา 16 ปีจริงๆ”
พูดแล้ว นักศึกษาหนุ่มก็เล่าเรื่องที่น้องสาวถูกหลอกเอาตัวไป แล้วบิดามารดาก็ล้มป่วย เนื่องจากความคิดถึงลูกสาว แล้วในที่สุด ก็ตายไปโดยไม่อาจรักษาเยียวยาได้ บนใบหน้าของนักศึกษาหนุ่มเต็มไปด้วยน้ำตา ใต้แววตาที่ปวดร้าวนั้น มองไม่ออกว่ามีอาการจอมปลอมแม้แต่น้อย
แม่นางเก้ามังกรพลันเกิดใจอ่อนขึ้นมา ยกเท้าออกแล้วร้องบอกให้นักศึกษาหนุ่มลุกขึ้น พูดว่า
ข้าไม่ใช่น้องสาวของท่าน บิดามารดาของข้าถูกพวกคนเลวลอบสังหารเมื่อสิบกว่าปีก่อน เหลือข้าหนีเอาชีวิตรอดได้เพียงคนเดียว โดยมีกระบี่เป็นเพื่อนข้างกาย...

            เสียงถอนใจยาวครั้งหนึ่ง แล้วก็มีเสียงทอดถอนใจยาวอีกครั้งหนึ่ง คนทั้งสองยืนเป็นเสาคู่หนึ่งอยู่ในเมฆสียามเย็น มีความรู้สึกเห็นใจซึ่งกันและกัน และมีความรู้สึกระแวงกันด้วย ผ่านไปเนิ่นนาน เนิ่นนาน แม่นางเก้ามังกรพูดว่า
"ท่านรีบไปเสียเถิด ฟ้ามืดสนิทแล้วมีหมาป่า"
            หลังจากประโยครวบรวม แม่นางเก้ามังกรทิ้งนักศึกษาหนุ่มกลับไปพักผ่อนในบ้าน ตลอดทั้งคืนไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ยามเช้าเมื่อออกจากบ้าน พบว่านักศึกษาหนุ่มยังขดตัวนอนหลับสนิทอยู่ใต้ชายคา แม่นางเก้ามังกรไม่สนใจตัวเขา ตั้งใจฝึกฝนเพลงกระบี่อยู่คนเดียว

ผ่านไปวันแล้ววันเล่า หนึ่งเดือนกว่าผ่านไป เป็นอยู่เช่นนี้ทุกวัน ในที่สุดวันหนึ่งแม่นางเก้ามังกรพูดว่า
"เจ้าหนู เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?"
            นักศึกษาหนุ่มพูดว่า
"ถึงไงบ้านข้าก็ไม่มีใครอีกแล้ว สู้อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ ท่านเป็นน้องสาวของข้าจริงๆ"
            ช่างเป็นคนโง่เสียจริง! แม่นางเก้ามังกรเคยแอบทดสอบนักศึกษาหนุ่ม นอกจากรู้หนังสือแล้ว เขาไม่รู้วิทยายุทธ์เลยแม้แต่น้อย ดูๆ ไปก็มองดูดีไม่น้อย จึงให้เขาสร้างกระท่อมหญ้าคาไว้อยู่อาศัยหลังหนึ่งยามว่าง นักศึกษาหนุ่มคุยเรื่องหมากล้อม ดนตรี หนังสือ ภาพวาดกับแม่นางเก้ามังกร แม่นางเก้ามังกรคุยเรื่องกระบอง กระบี่ ดาบ ทวน กับนักศึกษาหนุ่ม ตอนแรกๆ รู้สึกว่าแปลกใหม่ ต่อมาก็เกิดเยื่อใยผูกพันขึ้นมา
            ไม่มีคนมารบกวนพวกเขาอีก ทั้งสองคล้ายจะเป็นพี่น้องกัน และคล้ายจะเป็นคู่รักกัน บนใบหน้าของแม่นางเก้ามังกรมักจะปรากฏรอยยิ้มเอียงอายขึ้นบ่อยๆ

ค่ำวันหนึ่ง นางก็บอกเล่าถึงความร้ายกาจของกระบี่เก้ามังกรกระทบใจต่อนักศึกษาหนุ่มในที่สุด คาดไม่ถึงว่า พอฟ้าสว่าง นางก็หากระบี่และร่องรอยของนักศึกษาหนุ่มไม่พบอีกเลย ค่อยๆ พิจารณาไตร่ตรอง นางก็รู้กระจ่างชัดว่า : เขาเอากระบี่ไปแสวงหาความเป็นใหญ่ในยุทธจักรแล้ว น่าเสียดายที่ว่า เขายังไม่รู้ว่า กระบี่เล่มนี้ถ้าอยู่ในมือของคนแปลกหน้า พอรังสีกระบี่ปรากฏออกมา ผู้ที่ถูกทำร้ายเป็นคนแรกก็คือผู้ที่ถือกระบี่!
สตรีมากน้ำใจล้วนแต่ใจอ่อน นางอดกังวลแทนนักศึกษาหนุ่มไม่ได้

            ในตำหนักห่างออกไปพันลี้ นักศึกษาหนุ่มเปลี่ยนอาภรณ์ที่สวมใส่แล้ว เขายืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ กำลังถวายกระบี่เก้ามังกรสัมผัสใจแด่ท่านอ๋อง พูดว่า
"ท่านอ๋อง กระบี่ที่ท่านต้องการ ผู้น้อยนำมาให้ท่านแล้ว เชิญท่านตรวจสอบดู"
            ท่านอ๋องหัวร่อฮาฮา รับกระบี่มาไว้ในมือ ลูบคลำอย่างแผ่วเบา เมื่อมองดูปลอกกระบี่จนละเอียดแล้ว จึงค่อยๆ ชักกระบี่ออกมา คาดไม่ถึงว่ากระบี่เพียงเผยตัวครึ่งหนึ่ง ใบหน้าของท่านอ๋องก็เขียวคล้ำ หงายหลังล้มลง ร้องว่า
"กระบี่ กระบี่เล่มนี้..."
            พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ขาดใจตาย เล่ากันว่า ท่านอ๋องแซ่เย่ นามว่านไฉ เมื่อสิบกว่าปีก่อน เพราะวางแผนต้องการครอบครองกระบี่เล่มนี้ ได้ใส่ร้ายและสังหารคนในครอบครัวเจิ้ง ซึ่งเป็นเจ้าของกระบี่ถึง 21 คน เหลือเพียงบุตรสาวคนเล็กหนึ่งกับกระบี่ ถูกคนในครอบครัวเหวี่ยงลงคูน้ำ จึงหนีรอดชีวิตไปได้...

เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
2007


พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ “สายลมในกิ่งหลิว” เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 792 วันที่ 3-9 ส.ค. 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น