ค้นหาบทความ

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลายแทงขุมทรัพย์ เจิ้ง สือ เผย

ลายแทงขุมทรัพย์
เจิ้ง สือ เผย

            คน 2 กลุ่มชุมนุมกันอยู่ที่คุ้งเซียงซือวาน ดาบเย็นกระบี่ยะเยือกทำเช่นนี้ก็เพราะลายแทงขุมทรัพย์แผ่นหนึ่ง ยุทธจักรร่ำลือไปทั่วว่าปลายราชวงศ์ถางฮว๋างฉาวผู้นำกบฏชาวนาพ่ายแพ้ ได้ฝังซ่อนทรัพย์สินเงินทองล้ำค่าไว้มากมาย แล้วเขียนลายแทงขุมทรัพย์แผ่นหนึ่งซ่อนเอาไว้ที่หน้าผาหุบเขาเซียงซือกู่
            คนสองกลุ่มนี้ กลุ่มหนึ่งคือ แก๊งเพื่อนชาวนา ของหมู่บ้านศิลาขาว คนเป็นหัวหน้าคือ พยัคฆ์เจียงซาน-เจียงซานหู่ ถือคราดเป็นอาวุธ ลูกน้องของเขาบางคนลาก บางคนแบกอาวุธลักษณะอย่างเครื่องมือทำไร่ไถนา ดูไปเหมือนทำตัวลอยไปลอยมา เวลาต่อสู้กลับห้าวหาญเหนือกว่าคาดคิด คนอีกกลุ่มคือ แก๊งไร้เทียมทาน-อู๋ตี๋ฟาย แห่งท่าเรือตระกูลเยี่ย เจ้าสำนักเยี่ยไร้เทียมทาน-เยี่ยอู๋ซวง เป็นคนกลอกกลิ้ง มากเล่ห์ ถือดาบโซ่เป็นอาวุธ หมายมั่นปั้นมือที่จะหาขุมทรัพย์ให้พบ
            นอกจากคนสองกลุ่มนี้ ยังมีคนแอบซ่อนตัวอยู่บนต้นการบูรอีกคนหนึ่ง คนผู้นี้ก็คือ แส้ เซียง ซือ เจิ้ง หนาน เหลย

            คนทั้งสองกลุ่มต่างเตือนให้อีกฝ่ายหนึ่งถอนตัว ทว่า ต่างก็ไม่ยอม เยี่ยอู๋ซวง หัวร่อพูดว่า
“พวกท่านปล่อยให้ข้าเข้าไป เมื่อข้าได้สมบัติมาแล้ว จะแบ่งที่ให้ท่านเพาะปลูกส่วนหนึ่ง อย่างนี้ไม่ดีหรอกหรือ?
            พยัคฆ์เจียงซานเกลียดชังคำพูดเช่นนี้ที่สุด ร้องด่าว่า
"ผายลมมารดาท่าน"
แล้วยกคราดฟาดมา เยี่ยอู๋ซวงยกดาบขึ้นรับ ดาบกับคราดกระแทกกัน เยี่ยอู๋ซวงรู้สึกชาที่ง่ามมือ รีบถอยหลังไป พยัคฆ์เจียงซานร้องว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ฆ่ามัน!

            เครื่องมือทำเกษตรหลากหลายราวมังกรคะนองน้ำ ตลบโจมตีไปทางเยี่ยอู๋ซวง อาวุธกับอาวุธปะทะกัน เสียงการต่อสู้ดังก้องถึงฟ้า สู้กันไม่ทันถึงครึ่งชั่วยาม แก๊งไร้เทียมทานค่อยๆ ต้านทานไม่ไหว เยี่ยอู๋ซวงใช้กระบวนท่าลวง อาศัยความชุลมุนหลบหนี คนของฝ่ายไร้เทียมทานไม่เห็นตัวเยี่ยอู๋ซวง ไม่มีใจจะรบพุ่งต่อ รีบล้วงเอาถุงปูนขาวข้างเอวออกมา สะบัดมือโปรยออกไป ทันใดนั้น ฝุ่นฟุ้งขาวปกคลุมไปทั่ว พยัคฆ์เจียงซานคาดไม่ถึงว่าแก๊งไร้เทียมทานจะใช้อุบายต่ำช้าเช่นนี้ รีบออกคำสั่งให้ลูกน้องหลับตากลั้นลมหายใจ เลี่ยงหนีไปทางเหนือลม
            ยังดีที่มีเพียงไม่กี่คนถูกซัดจากปูนขาว พยัคฆ์เจียงซานก็ไม่คิดไล่ล่าติดตาม คนทั้งกลุ่มคืนสู่ความผ่อนคลายเอ้อระเหย เดินเรื่อยเฉื่อยไปทางหุบเขาเซียงซือกู่ แน่นอนว่า ในใจของพยัคฆ์เจียงซานย่อมรู้อย่างถ่องแท้ว่า เยี่ยอู๋ซวงย่อมไม่วางมือไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ การต่อสู้เมื่อครู่ เป็นเพียงเล่ห์เหลี่ยมที่เขาชอบใช้ จุดหมายเพื่อทดสอบกำลังที่แท้ของฝ่ายตรงข้าม อาศัยฝีมือของแก๊งเพื่อนชาวนา ถ้าสู้กันเดี่ยวๆ อย่างเปิดเผย พยัคฆ์เจียงซานย่อมไม่เกรงกลัว กลัวแต่เพียงพวกพยัคฆ์เจียงซานใช้กลยุทธ์ไม่เก่ง การต่อสู้เมื่อครู่ก็เสียเปรียบเยี่ยอู๋ซวงแล้ว

            เข้าไปในชายป่า คนของเยี่ยอู๋ซวงยังไม่ปรากฏตัว ป่าทั้งสองข้างรกทึบขึ้นเรื่อยๆ สภาพทางภูมิศาสตร์ก็แลดูอันตราย พยัคฆ์เจียงซานใช้รหัสลับออกคำสั่งให้ระมัดระวังตัว จะได้ไม่ต้องกลอุบายเยี่ยอู๋ซวงอีก พูดยังไม่ทันขาดคำ พยัคฆ์เจียงซานพลันพบว่าตรงเบื้องหน้ามีหญ้าแห้งกองใหญ่ หันกลับไปดูข้างหลัง พบว่าต้นไม้สองข้างก็มีหญ้าแห้งแขวนไว้ ใจคิดว่า ถ้าเยี่ยอู๋ซวงจุดไฟเผาหญ้าแห้งตอนนี้ ตนคงถูกเผาตายทั้งเป็นอยู่ที่นี่ พยัคฆ์เจียงซานพลันรู้สึกตระหนกตกใจ รีบออกคำสั่งถอยในทันที
            ขบวนคนหลายสิบคนยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว ลูกธนูไฟดอกแล้วดอกเล่าก็บินมาดั่งตั๊กแตน ได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะปร๊ะอยู่อย่างสับสน รอบตัวของพยัคฆ์เจียงซานไฟลุกโหมแรง ทุกคนสับสนวุ่นวายในทันใดนั้น ต่างคลุมศีรษะวิ่งฝ่าไปอย่างสับสนอย่างรวดเร็ว บนร่างของคนจำนวนหนึ่งก็ลุกติดไฟ กระโดดโลดเต้นไปเหมือนแมลงวันไร้หัว ยามนี้พยัคฆ์เจียงซานมองเห็นคนๆ หนึ่งโถมกายฝ่าควันหนาทึบเข้ามา รีบยกคราดฟาดไปตามสัญชาตญาณ คนที่ฝ่าเข้ามาร้องเสียงเบาๆ ว่า
“ข้าเองท่านพี่เจียง รีบตามข้ามา”
            พยัคฆ์เจียงซานพบว่าคือแส้เซียงซือเจิ้งหนานเหลยไม่มีเวลาคิดมาก รีบนำพี่น้องข้างกายตามเจิ้งหนานเหลยไป ฝ่าผ่านหมอกควันหนาทึบ พวกชาวเจียงซานมองเห็นบึงน้ำแห่งหนึ่ง ต้นไม้กอหญ้าข้างบึงถูกคนตัดฟันจนเตียน รู้ว่าที่นี่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตให้ต้องกังวลอีก รีบประสานมือคารวะพูดว่า
“พยัคฆ์เจียงซานขอขอบพระคุณท่านผู้ช่วยชีวิต ที่ผ่านมาพี่น้องข้าได้ล่วงเกินรังแกสตรีเซียงซือวานไปมิได้น้อย ข้าขอน้อมขออภัย ณ ที่นี้ด้วย จากนี้ไปพี่น้องของข้ารับรองว่าจะไม่ล่วงเกินต่อเซียงซือวานอีกแม้ปลายเส้นขน”

            คนที่ได้รับการชี้แนะช่วยเหลือให้หลบหนีมา และพยัคฆ์เจียงซานรู้ว่าตนมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยอู่ซวง คิดจะรีบไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุด แส้เซียงซือเจิ้งหนานเหลยรั้งพยัคฆ์เจียงซานไว้ เข้าไปกระซิบสั่งเสียที่ข้างหูครู่หนึ่ง พูดจนพยัคฆ์เจียงซานแย้มยิ้มเบิกบาน
            ไฟที่ลุกโหมมอดลง เยี่ยอู๋ซวงนำคนตรวจดูซากศพในที่เกิดเหตุ ตรงที่ห่างจากบึงน้ำไม่ไกล พบพยัคฆ์เจียงซานและพี่น้องแก๊งเพื่อนชาวนาหลายคนนอนอยู่ในกองเถ้าถ่าน ดำเกรียมไปทั้งร่าง ก็หัวร่อออกมาด้วยความวางใจ เดินเข้าไปเตะพยัคฆ์เจียงวานอย่างแรงไปทีหนึ่ง
เวลาพูดนั้นเชื่องช้า แต่เวลานั้นรวดเร็วยิ่ง เห็นเพียงพยัคฆ์เจียงซานดีดตัวอย่างปลาหลีฮื้อพลิกตัวกระโดดขึ้นมา ลอยตัวดีดเท้าเตะเยี่ยอู๋ซวงล้มคว่ำไป เท้าวาดผ่านเหนี่ยวคราดเหล็กกล้าช้อนตามไป เยี่ยอู๋ซวงยังไม่ทันรู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ชีวิตก็หลุดลอยไปแล้ว ทางด้านนี้พี่น้องที่แกล้งทำเป็นตาย ชาวแก๊งเพื่อนชาวนาทั้งหลายต่างก็ดีดตัวขึ้นมา ยกอาวุธฟาดฟันไปอย่างรุนแรง คนที่เยี่ยอู๋ซวงนำพามา พลันกลายเป็นซากศพเกลื่อนไปทั้งพื้น คนของแก๊งเพื่อนชาวนาถือโอกาสไล่ล่าติดตาม พบคนก็ฆ่า ฆ่าจนกระทั่งหุบเขาเซียงซือกู่เงียบสงัดจนไร้กระทั่งเสียงนก โลหิตไหลนองทั้งพื้น พยัคฆ์เจียงซานจึงเก็บคราดด้วยความหนำใจ เข้าไปเสาะหาขุมทรัพย์ในหุบเขาเซียงซือกู่

            ใต้หน้าผาเซียงซือ พยัคฆ์เจียงซานเสาะหาจนสิ้นเรี่ยวแรงก็ยังมิได้พบทรัพย์สมบัติใด ขณะกำลังหงุดหงิดรำคาญ ที่หน้าผาพลันมีเสียงหัวร่อดังแว่วมา พยัคฆ์เจียงซานแหงนศีรษะมองดู พบว่าคือแส้เซียงซือเจิ้งหนานเหลย อดร้องตามด้วยความประหลาดใจไม่ได้
“ท่านหัวร่ออะไร?
            เจิ้งหนานเหลยหยุดหัวร่อ พูดอย่างเยือกเย็นว่า
“ข้ากุเรื่องเหลวไหลขึ้นมา ท่านก็ยังเชื่อถือเป็นจริงเป็นจัง อยากได้ขุมทรัพย์ เอาโลงศพไปเถอะ”
            ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง! พยัคฆ์เจียงซานโมโหโกรธา นำคนไล่ฆ่าเจิ้งหนานเหลย เจิ้งหนานเหลยดีดตัวใช้เท้าถีบกองหินที่หน้าผากองหนึ่ง ทะยานร่างพุ่งลงมาพร้อมก้อนหิน แส้ฟาดลงไปที่ใด พยัคฆ์เจียงซานกับสมุนก็กลายเป็นกองเนื้อแหลกเหลวตรงนั้น
          ยามนี้ตะวันกำลังคล้อยดวงทางตะวันตก เจิ้งหนานเหลยพูดพึมพำว่า
ในที่สุดก็ถึงเวลาสามารถจะชื่นชมดวงตะวันเสียที

 เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
2007


พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ “ในยุทธจักร” เนชั่นสุดสัปดาห์ ปีที่ 16 ฉบับที่ 805 วันที่ 2-8 พ.ย. 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น