วันวัยนำพาชีวิตผ่านพบประสบการณ์ เรื่องราวบางอย่างคนเราต้องผ่านพ้นวันเวลามาพอจึงจะเข้าใจ
ซิน ชี่ จี๋ กวีสมัยราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ.960-ค.ศ.1276)
เคยเขียนไว้ในบทกวี 'โฉ่ว หนู เอ๋อร์' ไว้ว่า
"วัยเยาว์ไม่รู้จักรสชาติของความทุกข์ตรม
รักแต่จะปีนไต่หอสูงยิ่งขึ้นอีก
รักแต่จะปีนไต่หอสูงยิ่งขึ้นอีก
เพื่อจะเขียนกวีบทใหม่ เค้นเอ่ยว่าทุกข์ตรม
บัดนี้ได้ลิ้มรสความทุกข์ตรมจนสิ้นแล้ว
คิดจะเอ่ยเอื้อนออกมาก็ยังหยุดชะงักไว้
คิดจะเอื้อนเอ่ยออกมาก็ยังหยุดชะงักไว้
แล้วกลับพูดว่า อากาศเย็นสบาย
ช่างเป็นฤดูใบไม้ร่วงที่งดงาม"
ความเหงา ความเศร้า
ความทุกข์ ความเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย แม้ว่าจะเรียกขานด้วยคำเดียวกัน
แต่รสชาตินั้นซับซ้อนแตกต่างกันไปตามวันเวลาของชีวิตแต่ละช่วงวัย
วันเวลานำพาทั้งความเหนื่อยล้า
และการเติบโตมาให้กับชีวิตในวัยเยาว์ที่ร่างกายยังดี จิตใจยังแกร่งนั้น
ชีวิตมักขาดประสบการณ์ และความจัดเจน พบพานปัญหาอุปสรรค มักจะร่ำไห้เสียงดัง
แต่ก็ด้วยวัยอันเยาว์นั้นเองที่ช่วยให้ฟื้นคืนสภาพได้เร็ว
ผิดกับยามเมื่อชีวิตเดินทางมายาวนาน ผ่านพบประสบการณ์หลากหลายมาจนชุ่มโชก
ยามพบกับทุกข์สุขใดๆ มักจะฟูมฟายน้อยกว่า
ในความนิ่งเงียบเรียบเฉย
มีริ้วรอยของวันเวลากระเพื่อมเป็นระลอกอยู่อย่างที่บางครั้งผู้อื่นก็มองไม่เห็น
เรืองรอง รุ่งรัศมี
พิมพ์ครั้งแรกในคอลัมน์ สายลมในกิ่งหลิว เนชั่นสุดสัปดาห์ ฉบับที่
583
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น