“ความจริงพวกท่านไม่ต้องการลาจากกันเลย
แต่แล้วพลันก็ต้องจากพราก... จากพรากก็เพื่ออยู่ร่วม? ใช่เพื่อจะได้อยู่ร่วมกับผู้อื่นหรือไม่?...”
๑
ครั้งที่เขียนเรื่อง “ตะขอจำพราก”
ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้ประโยคหนึ่งว่า
“จากพรากก็เพื่ออยู่ร่วม”
...เพื่อการอยู่ร่วมอย่างยาวนาน
ไม่เสียดายการจากพรากชั่วคราว
กระทั่งว่ามิได้เสียดายกับการไปตัดสินชะตาตายกับผู้อื่น - - - ช่างชวนฝันปานนั้น
ช่างมากด้วยน้ำใจปานนั้น
น่าเสียดายที่ความรู้สึกเช่นนี้กลับมิใช่จะประสบได้บ่อยๆ
มีบางคนกระทั่งคิดก็ยังมิอาจคิดไปถึง ดังนั้นจึงมีคนจำนวนไม่น้อยที่หัวเราะเยาะข้าพเจ้า
“จากพรากก็เพื่ออยู่ร่วม? ใช่เพื่อจะได้อยู่ร่วมกับผู้อื่นหรือไม่?”
ข้าพเจ้าหัวเราะไม่ออก
เพราะว่าข้าพเจ้ารู้ถึงความจริงที่ไม่น่าหัวเราะอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง
...การจากพราก
บ่อยครั้งมักเพื่อจะได้อยู่ร่วมกับผู้อื่นจริงๆ
๒
มีบางครั้งที่ท่านพลันต้องแยกจากคนผู้หนึ่ง
ความจริงพวกท่านไม่ต้องการลาจากกันเลย แต่แล้วพลันก็ต้องจากพราก
เหมือนว่าที่จริงแล้วมิได้มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ต่างก็รู้อยู่ในอกอย่างแจ่มชัด
ว่าเวลาแห่งการจากพรากได้มาถึงแล้ว
ท่านมิได้เต็มใจที่จะลาจากกันใช่หรือไม่
บางครั้งกระทั่งโอกาสที่จะกล่าวคำ “ลาก่อน” ให้อีกฝ่ายหนึ่งก็ยังไม่มี
... ไยเป็นเช่นนั้นเล่า
ไยต้องเอ่ยคำลา?
การจากพรากเช่นนี้มิใช่การลาจาก
หากแต่เป็น “ความตาย” แบบหนึ่ง
พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกใน เดียวดายใต้เงาจันทร์ โกวเล้ง : รำพัน
สำนักพิมพ์ฉับแกระ มกราคม พ.ศ.๒๕๓๒
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น